![เอ็นไอเอ หนุนยกระดับทรัพย์สินทางปัญญากลุ่มธุรกิจนวัตกรรม เปิดตัวโครงการไอพีเน็กซ์เวิร์คกระตุ้น ผปก. เพิ่มมูลค่าธุรกิจด้วยทรัพย์สินทางปัญญา]()
กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์
สำนักงาน
นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เร่งผลักดันผู้ประกอบการธุรกิจ
นวัตกรรมและสตาร์ทอัพขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน
ทรัพย์สินทางปัญญา เร่งสร้าง
ระบบนิเวศที่เอื้อต่อการส่งเสริม
ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเพิ่มมูลค่าธุรกิจ
นวัตกรรม โดยการพัฒนาเครือข่ายด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญาภายใต้โครงการ “IP NextWork” เสริมทั้งความรู้และกลยุทธ์ด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงเปิดมุมมองเทคนิคการร่างและจดทะเบียนสิทธิบัตรในประเทศและต่างประเทศ ให้กับสมาชิกเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ ภาพรวมผู้ประกอบการไทยและสตาร์ทอัพยังขาดการเข้าถึงองค์ความรู้ในการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จาก
ทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการสำนักงาน
นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า
ทรัพย์สินทางปัญญาถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มสตาร์ทอัพและผู้ประกอบธุรกิจ
นวัตกรรม ซึ่งที่ผ่านมา NIA ให้ความสำคัญกับการคุ้มครอง
ทรัพย์สินทางปัญญาและสนับสนุนให้เกิดการใช้
ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ ได้ริเริ่มโครงการ “IP NextWork” ขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้
ทรัพย์สินทางปัญญาในการดำเนินธุรกิจ
นวัตกรรม และส่งเสริมให้สตาร์ทอัพ/ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงงานบริการของภาครัฐด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญา ผ่านการพัฒนาเครือข่ายด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญาทั้งสตาร์ทอัพ/ผู้ประกอบการที่มุ่งใช้
นวัตกรรมและ
ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือและกลยุทธ์เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน หน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี ตลอดจนบริษัทที่ปรึกษากฎหมายด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญาที่สามารถให้คำปรึกษาและบริการอย่างมือ เพื่อนำไปสู่การพัฒนา
ระบบนิเวศด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญา (IP Ecosystem) ของประเทศ
“IP NextWork” มุ่งเน้น 3 คอนเซ็ปท์หลัก ได้แก่ “Networking” เป็นการสร้างเครือข่ายจากคนที่ไม่รู้จักกลายมาเป็นเพื่อน หุ้นส่วน หรือคนให้คำปรึกษาทางธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม Idea Market Space ที่ช่วยให้รู้จักกับธุริจของเพื่อนใหม่ ผนวกกับการใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการต่อยอดธุรกิจ
นวัตกรรมเพื่อประกวดและชิงรางวัล “Sharing” เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และกรณีศึกษาต่างๆ เช่น กรณีที่สามารถขอรับความคุ้มครองด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญาได้สำเร็จ และกรณีที่มีอุปสรรคหรือปัญหาระหว่างการดำเนินการด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญา และ “Chat Space” ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสนใจได้พบปะและพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อตอบคำถามและข้อสงสัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการ
ทรัพย์สินทางปัญญา แนะนำการวางแผนกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและสิทธิบัตรทั้งในและต่างประเทศ การเตรียมความพร้อมและเทคนิคการส่งออกต่างประเทศ นอกจากนี้ สามารถขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับกลไกการสนับสนุนการใช้
ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์จาก NIA ได้อีกด้วย
ผลการดำเนินโครงการ IP NextWork ในปีนี้ จัดกิจกรรมทั้งหมด 5 ครั้ง โดย 3 ครั้ง เน้นกิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างเครือข่ายพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและการผลิต กลุ่มสุขภาพและเครื่องสำอาง และกลุ่มเทคโนโลยีดิจิทัล ในครั้งที่ 4 เน้นการขยายเครือข่ายให้มากขึ้นกับเพื่อนต่างกลุ่มธุรกิจ ด้วยกิจกรรมฝึกอบรม “ไขรหัสเทคนิคการร่างสิทธิบัตร” และในครั้งที่ 5 จัดขึ้นในหัวข้อ “NextWork 2020 TALK & SHARE” ที่มีทั้งการนำเสนอมุมมองผู้บริหารด้านการจัดการ
ทรัพย์สินทางปัญญาในรูปแบบ Ted Talk และร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ประกอบการ
นวัตกรรมที่ใช้
ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ด้าน นางสาวอัจฉรา ปู่มี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมเครือข่าย IP NextWork ในปีนี้ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าที่ต้องการติดตั้งอุปกรณ์ โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนา
นวัตกรรม การจดสิทธิบัตร การจดทะเบียนเครื่องหมายทางการค้า และอนุสิทธิบัตรกับผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นก่อนที่จะมีการวางขายในตลาด เนื่องจากจะช่วยป้องกันการลอกเลียนแบบ และยังช่วยสร้างความมั่นใจในผลิตภัณฑ์
นวัตกรรมว่าเป็นของแท้ นอกจากนี้ หลายครั้งที่ลูกค้าตัดสินใจเลือกใช้และซื้อสินค้าส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทแบรนด์ที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ซึ่งถือได้ว่า
ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี
“การเ?ริ่มต้นจดสิทธิบัตรของธุรกิจนั้นเริ่มแรกเป็นไปค่อนข้างยาก เพราะตัวเราเองไม่รู้กฎหมาย อีกทั้งในการทำข้อมูลก่อนยื่นหรือหลักเกณฑ์ต่างๆ กระบวนการค่อนข้างมีความละเอียด โดยครั้งแรกบริษัทมีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และขอคำแนะนำจากหน่วยงานรัฐที่สนับสนุนการขอจดสิทธิบัตร รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจาก NIA มาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านเงินทุน การผลักดันให้เข้าถึงกฎหมาย
ทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน คือการขอเงินทุนสนับสนุน และการระดมทุนต่างๆ ที่สามารถทำได้ง่ายขึ้น บริษัทมีความน่าเชื่อถือ การเจรจาต่อรองง่ายกว่าที่ผ่านมา และยังช่วยสร้างมูลค่าสินค้าได้มากกว่าช่วงแรกเริ่ม ทำให้แบรนด์แข็งแรงมากยิ่งขึ้น”