กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--แสนสิริ
- ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและยูนิเซฟอย่างเป็นรูปธรรมตลอดระยะเวลา 10 ปี ในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพัฒนาสังคมและคุณภาพความเป็นอยู่ของเด็กและเยาวชนทั้งในประเทศและระดับสากล สู่การเป็นองค์กรต้นแบบในการจุดประกายสังคมทั้งภาครัฐและเอกชน
- แสนสิริ ลงมือปฏิบัติและผลักดันทั้งเชิงนโยบาย ตั้งแต่ระดับองค์กร สังคม จนนำไปสู่การส่งเสริมและพัฒนาในระดับประเทศ ผ่าน 4 แนวคิด “Good Workplace - Good Space – Good Community - Good Global Citizen” ตอกย้ำวิสัยทัศน์หลักองค์กร “Made for Life…Made for Better” ในปีนี้
- จาก 17 โครงการความร่วมมือสู่นโยบายระดับประเทศ, 0 แรงงานเด็กที่แสนสิริและคู่ค้าลงนามในสัญญา, 1 กฎหมายเรื่องไอโอดีน รวมถึงการบริจาคเงินทั้งสิ้น 325 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเด็กที่อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินกว่า 18 ล้านชีวิตได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด และกว่า 32 ล้านชีวิตได้รับน้ำสะอาดเพื่อการดำรงชีวิต
คุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของแสนสิริที่มีเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือสังคมในทุกโครงการที่เราไปตั้งให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเริ่มลงมือปฏิบัติตั้งแต่ระดับองค์กรไปสู่สังคม จนขยายไปยังการส่งเสริมและพัฒนาในระดับประเทศ โดยมุ่งหวังเป็นจุดเริ่มต้นในการ จุดประกายแก่สังคม จากความตั้งใจดังกล่าวของแสนสิริเพื่อช่วยเหลือเด็กซึ่งนับเป็นการลงทุนเพื่อสังคม เพราะ พวกเขาเหล่านี้จะเป็นอนาคตของพลเมืองและเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนไปสู่สังคมภาพรวมที่มีคุณภาพ อย่างยั่งยืน สอดคล้องวิสัยทัศน์องค์กร “Made for Life…Made for Better” ในปีนี้ ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา แสนสิริได้ร่วมมือและสนับสนุนการทำงานขององค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ผ่านการทำโครงการต่างๆ มากมาย รวมทั้งสิ้นจำนวน 17 โครงการ เช่น Iodine Please, Best Start และ The Good Space เป็นต้น สู่ความภาคภูมิใจ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น UNICEF’S First Selected Partner in Thailand ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาและแก้ปัญหาเพื่อเด็กผ่านการดำเนินงานตามแนวคิดหลัก 4 แกน
Good Workplace เริ่มต้นจากภายในองค์กร ร่วมกับพันธมิตรกว่า 180 ราย เข้าร่วมลงนามสนับสนุนการยุติการใช้แรงงานเด็กอย่างเป็นรูปธรรม ที่กำหนดให้คู่ค้าทางธุรกิจต้องให้ความร่วมมือในการทำสัญญา “ข้อสัญญาคุ้มครองแรงงานเด็ก” และ โครงการ Breastfeeding Room ออกแบบออฟฟิศให้เป็นมิตรสำหรับแม่และเด็กเพื่อการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน
Good Space ขยายความร่วมมือไปยังคู่ค้า ผ่านโครงการ “The Good Space” ในการสร้างสรรค์พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กในสถานที่ก่อสร้าง เพื่อการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย รวมถึงการเข้าถึงการศึกษาและการบริการสาธารณสุข ได้อย่างเท่าเทียม โดยแสนสิริได้สร้าง Good Space รวม 57 แห่งใน 13 จังหวัด เพื่อให้เด็กกว่า 6,000 คน ที่พักอาศัยอยู่ในแคมป์คนงานก่อสร้างได้มีพื้นที่แห่งการเรียนรู้ จนผลักดันและมอบโอกาสแก่เด็กกว่า 50 คน ในโครงการ Good Space เข้าสู่ระบบการศึกษาที่โรงเรียนวัดเจ็ดยอด จังหวัดเชียงใหม่
Good Community ส่งต่อความช่วยเหลือยังสังคม แสนสิริ ร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่อยอดความช่วยเหลือสู่สังคม ในวงกว้าง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเด็กอย่างยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางที่ดีขึ้นผ่านโครงการ และการผลักดันเชิงนโยบาย เช่น Iodine Please และ Best Start เป็นต้น
Good Global Citizen ความมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลก ความมุ่งมั่นของแสนสิริที่จะเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลกอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ผ่านการบริจาคเงินให้แก่กองทุนช่วยเหลือฉุกเฉินของยูนิเซฟ (UNICEF Global Emergency Fund) ปีละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน แสนสิริบริจาคเงินรวมแล้วกว่า 325 ล้านบาท เพื่อการช่วยเหลือเด็กไทยและเด็กทั่วโลก
“นอกจากนี้ แสนสิริและยูนิเซฟยังร่วมกันจุดประกายการช่วยเหลือเด็กอย่างยั่งยืนผ่านโครงการ Sansiri Social Change ที่ถือเป็นความร่วมมือระยะยาว โดยมุ่งเน้นให้องค์กรธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาทั้งกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การทำความเข้าใจกับปัญหาในทุกมิติ การร่วมวางแผนแก้ปัญหา ไปจนถึงการทำงานกับทุกภาคส่วน
ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนอย่างจริงจัง รวมถึงแต่งตั้ง Sansiri Social Change Ambassador เพื่อทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงต่อสังคมมุ่งเน้นการช่วยเหลือ ส่งเสริม พัฒนาเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน
คุณโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา แสนสิริถือเป็นหนึ่ง ในพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของยูนิเซฟในภูมิภาคเอเชียที่แสดงให้เห็นว่าเรื่องของเด็ก คือ เรื่องของทุกคน แสนสิริ ถือเป็นแบบอย่างขององค์กรภาคเอกชนที่มุ่งมั่นส่งเสริมสิทธิและความเป็นอยู่ของเด็กในประเทศไทยและทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้ร่วมผลักดันให้เกิดนโยบายต่าง ๆ ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในหลายโครงการ ทั้งในด้านสุขภาพ การศึกษา การพัฒนาเด็กปฐมวัย”
โครงการต่างๆ ที่เกิดจากความร่วมมือของแสนสิริและยูนิเซฟในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้แก่
โครงการ Iodine Please ยูนิเซฟร่วมมือกับแสนสิริและภาคีอื่นๆ ในการสร้างความตระหนักของสังคมไทยเกี่ยวกับ โรคขาดสารไอโอดีนในเด็ก (Iodine Deficiency Disorder หรือ IDD) ซึ่งส่งผลให้สมองของเด็กพัฒนาการไม่เต็มที่และมีไอคิวต่ำลง ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กไทยมากว่า 50 ปี ด้วยการร่วมมือกันระหว่าง
ยูนิเซฟและแสนสิริ รวมถึงภาคีอื่นๆ ช่วยเป็นกระบอกเสียงส่งต่อไปถึงภาครัฐ นำมาซึ่งผลักดันให้เกิดกฏหมายที่กำหนดให้มีการเติมสารไอโอดีนในเกลือบริโภค และประกาศใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554
โครงการ Zero Child Labour จากปัญหาการใช้แรงงานเด็กที่กลายเป็นผลกระทบในวงกว้าง ยูนิเซฟและแสนสิริ ได้ร่วมมือกับพันธมิตร กำหนดให้คู่ค้าทางธุรกิจต้องให้ความร่วมมือในการทำสัญญา ข้อตกลงเรื่อง “ข้อสัญญาคุ้มครองแรงงานเด็ก” เพื่อป้องกันการใช้ แรงงานเด็กอย่างไม่ถูกต้องในกระบวนการธุรกิจโดยจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติทั้งหลายที่ใช้บังคับที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายแรงงาน ซึ่งนับเป็นจุดประกายเริ่มต้นที่ทำให้องค์กรภาคเอกชนอื่นๆ หันมาให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว
โครงการ Best Start หกปีแรกของชีวิต คือ หกปีทองของเด็ก โครงการเพื่อจุดประกายให้พ่อแม่และสังคมทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มากขึ้น เพราะการพัฒนาเด็กในช่วงนี้จะเป็นรากฐานสำคัญของ การเรียนรู้และการพัฒนาตลอดชีวิต ด้วยการสนับสนุนจากแสนสิริในการร่วมวางแผนโครงการ ผ่านการลงพื้นที่ศึกษาประเด็นต่างๆ วิเคราะห์สถานการณ์ และร่วมกันหาแนวทางในการสื่อสารที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุด ส่งผลให้ยูนิเซฟและแสนสิริ รวมถึงภาคีอื่นๆ สามารถจุดประกายสังคมชวนคนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กเล็ก และยังได้ร่วมมือกับภาครัฐในการสร้างความตระหนักรู้ของปัญหาดังกล่าว
การสนับสนุนของแสนสิริในกองทุนฉุกเฉินของยูนิเซฟ ได้ช่วยให้ยูนิเซฟให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เด็กและครอบครัวหลายสิบล้านคนทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ การสู้รบ วิกฤตด้านสุขภาพ และสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลกได้อย่างทันท่วงที ทั้งในด้านการจัดส่งสิ่งของที่จำเป็นต่อการอยู่รอดในภาวะวิกฤต การช่วยเหลือเด็กที่ขาดสารอาหารรุนแรง การฉีดวัคซีนป้องกันโรค การจัดหาน้ำสะอาด หรือการเยียวยาจิตใจเด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเหล่านั้น
“การบริจาคจากแสนสิริ โดยไม่ระบุเงื่อนไขให้แก่กองทุนช่วยเหลือฉุกเฉินของยูนิเซฟได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของแสนสิริที่มีต่อยูนิเซฟ และชี้ให้เห็นว่าเราต่างมีจุดมุ่งหมายและคุณค่าเพื่อเด็กร่วมกัน ยูนิเซฟ ชื่นชมความมุ่งมั่นของแสนสิริตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และหวังว่าแสนสิริจะเป็นแบบอย่างให้กับองค์กรธุรกิจอื่นๆ ในการสร้างความร่วมมือระยะยาวเพื่อพัฒนาสังคมและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้แก่ชีวิตเด็กต่อไป” คุณโธมัส กล่าว
“ปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิต ถือ เป็นปัญหาที่สำคัญเราจึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือ โดยสามารถเริ่มต้นจากภายในองค์กร และให้การสนับสนุนการทำงานของยูนิเซฟ สำหรับแสนสิริเอง ยังคงสานต่อเจตนารมณ์ เพื่อการสร้างสรรค์สังคมให้มีที่ดียิ่งขึ้น ตอกย้ำมุ่งมั่นในการเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลกในการร่วมกันแก้ปัญหาเด็ก โดยในปีนี้ ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้หลายฝ่ายได้รับผลกระทบ แสนสิริ จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือแก่สังคม ด้วยการบริจาคเงินผ่านมูลนิธิเสริมกล้าเพื่อมอบให้แก่ยูนิเซฟ เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท และเราเองยังคงเดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือเด็กให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การยูนิเซฟ (The Sustainable Development Goals : SDGs) ที่ว่าด้วยการส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี, มีการศึกษาและการ
ส่งเสริมทักษะชีวิต ตลอดจนส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลาย เพราะจุดมุ่งหมายสำคัญหลักของแสนสิริ คือ การมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กในสังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”คุณเศรษฐากล่าว