กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--ไออาร์ พลัส
“มีนาทรานสปอร์ต” หรือ MENA ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) จำนวน 184 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ชูความเชี่ยวชาญในธุรกิจให้บริการรับส่งสินค้าด้วยรถลากจูงและรถผสมคอนกรีต มีลูกค้ารายใหญ่ให้ความเชื่อมั่น และขยายงานอย่างต่อเนื่องตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ให้บริการขนส่งคอนกรีตแก่ลูกค้าผู้ผลิตปูนแบรนด์ชั้นนำหลายบริษัท ด้วยความเป็นมืออาชีพ เดินแผนนำเงินใช้สำหรับลงทุนในโครงการในอนาคต ใช้จ่ายคืนหนี้สิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ สร้างโอกาสการแข่งขันทางธุรกิจและเสริมความมั่นคงระยะยาว โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในครั้งนี้
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ยื่นคำขออนุญาตเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ filing) แบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และยื่นคำขอให้รับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์ จดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แล้ว เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในครั้งนี้
สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ของ MENA ในครั้งนี้ จำนวนไม่เกิน 184 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ บริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 367 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 275 ล้านบาท วัตถุประสงค์การใช้เงิน เพื่อใช้สำหรับลงทุนในโครงการในอนาคต จ่ายคืนหนี้สิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ โดยมี โครงสร้างผู้ถือหุ้นของ MENA ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กลุ่มครอบครัวขจรวุฒิเดช สัดส่วน 93.9% และภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ เหลือสัดส่วน 70.4%
นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมอีกว่า การยื่นไฟลิ่งในครั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเข้ามาระดมทุน ขยายการเติบโตในธุรกิจให้บริการรับส่งสินค้าด้วยรถลากจูงและรถผสมคอนกรีต ที่บริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง เพิ่มศักยภาพและการขยายโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ มีความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้าและพันธมิตร อีกทั้งยังเป็นการมุ่งสู่ความมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว
ทั้งนี้ MENA มีการแบ่งการประกอบธุรกิจออกเป็น 3 หน่วยธุรกิจ โดยธุรกิจหลักคือ
บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง มีความสามารถในการทำกำไรโดดเด่น และเป็นรายได้หลักของบริษัท ในสัดส่วนกว่า 65% ของรายได้รวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 MENA มีรถมิกเซอร์รวมทั้งสิ้น 466 คัน ให้บริการทั้งรถมิกเซอร์ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพปริมณฑล และหัวเมืองสำคัญ อาทิ ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง เป็นต้น โดยได้รับความไว้วางใจจากบริษัทปูนซีเมนต์ชั้นนำของประเทศ อาทิ บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด (INSEE) บริษัท เอเซียผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ จำกัด (BUA Concrete) และ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC) รวมถึงบริษัทผู้ผลิตท้องถิ่นอื่นๆ ใช้บริการอย่างต่อเนื่องธุรกิจขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกแบบหัวลาก - หางพ่วง (Trailer) โดยมีสินค้าหลักประเภทวัสดุก่อสร้างและวัตถุดิบอุตสาหกรรม เช่น ปูนผง คอนกรีตผสมเสร็จ แร่วัตถุดิบ ขี้เถ้าลอย (Fly Ash) เป็นต้น และสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 MENA มีรถเทรลเลอร์ (หัวลาก) ให้บริการรวมทั้งสิ้น 83 คัน และมีรถกึ่งพ่วง (หางลาก) ประเภทต่าง ๆ รวม 104 คันธุรกิจการขายสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง เช่น คอนกรีต ปูนซีเมนต์ถุง ปูนซีเมนต์ผง และขี้เถ้าลอย ให้แก่ลูกค้า ซึ่งส่วนมากเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และไม่ได้เข้าทำสัญญาเป็นตัวแทนขายสินค้าให้บริษัทผู้ผลิตรายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะเพื่อความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ โดย MENA จะทำการติดต่อซื้อสินค้าจากบริษัทผู้ผลิตคอนกรีตที่มีชื่อเสียง หรือจากผู้ผลิตท้องถิ่น โดยดำเนินธุรกิจแบบซื้อมาขายไป เพื่อความครบวงจรและสามารถบริหารสภาพคล่องของ MENA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ดี MENA มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งมากกว่า 27 ปี และได้ทำการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายประเภทของธุรกิจและการเพิ่มจำนวนรถขนส่ง เพื่อรองรับการขยายงานเพิ่มมากขึ้น ตามการเติบโตของงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยจะทำการขนส่งสินค้าชนิดต่างๆ ให้กับคู่ค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ เช่น ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงโอกาสในการขยายงานใน EEC เป็นต้น ปัจจุบัน MENA เป็นผู้ขนส่งให้แก่บริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์ และบริษัทขนส่งรายใหญ่หลายบริษัท ทั้งยังมีการรับงานขนส่งที่หลากหลาย สำนักงานใหญ่ของ MENA ตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี และมีสาขาอีก 4 แห่ง ได้แก่ สาขาลาดกระบัง สาขาราชเทวี สาขาระยอง และสาขาขอนแก่น ส่งผลให้ MENA มีการเติบโตของรายได้ที่ค่อนข้างมั่นคง
สำหรับผลประกอบปี 2562 มีรายได้รวม 703.7 ล้านบาท รายได้หลักมาจากค่าขนส่งและค่าบริการในสัดส่วนที่มากกว่า 90% ของรายได้รวมทั้งหมด แบ่งเป็นรายได้มาจากค่าขนส่ง 28% รายได้ค่าบริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-to-mix concrete) 67% รายได้จากการขาย 4% รายได้อื่นๆ เกือบ 1% ด้านกำไรสุทธิงวดปี 2562 อยู่ที่ 37.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.3%
และงวด 6 เดือนแรกปี 2563 มีรายได้รวม 333.0 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 19.1 ล้านบาท และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.8% อัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น สืบเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง ประกอบกับต้นทุนทางการเงินลดลงจากการชำระคืนหนี้อย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้กำไรสุทธินั้นปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต