กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--คิง เพาเวอร์
ฟุตบอล เป็นกีฬาที่เข้าถึง ผู้คนทุกเพศทุกวัยทั่วโลกให้ความสนใจ ฟุตบอลไม่เพียงแต่เป็นกีฬาที่เล่นเพื่อความสนุกสนาน ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และก่อให้เกิดความสามัคคี สร้างการเรียนรู้และการทำงานเป็นทีม อีกทั้ง ยังสามารถต่อยอดเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ในอนาคต
ปัจจุบัน เด็กและเยาวชนหลายคนมีความฝันต้องการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่กว่าจะถึงฝั่งฝันหรือประสบความสำเร็จเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ นอกจากความตั้งใจที่ต้องมีเป็นพื้นฐาน วันนี้ 'โอกาส’ ยังเป็นสิ่งสำคัญ
นับว่าความฝันของเด็กและเยาวชนจะใกล้ความจริงมากขึ้น จากการที่ในปี พ.ศ. 2553 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เข้าบริหารอย่าง 'สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้’ เพื่อจุดมุ่งหมายในการสร้าง 'โอกาส’ ให้ฟุตบอลไทย โดยเฉพาะนักเตะเยาวชน ได้ไปในสายอาชีพฟุตบอลมากกว่าในระดับอาเซียน และสร้างชื่อของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านกีฬายอดนิยมของคนทั่วโลก ตลอดจนแสดงศักยภาพของคนไทยในการบริหารสโมสรฟุตบอล 'เลสเตอร์ ซิตี้’ ในทุกมิติ ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา ในฐานะเจ้าของธุรกิจด้านกีฬา แสดงให้โลกได้เห็นถึงวิสัยทัศน์ค่านิยมจนได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยใช้เวลา 4 ปี เป็นบทพิสูจน์ที่ทำให้ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกอย่างยิ่งใหญ่ครั้งแรกในรอบทศวรรษของสโมสร พร้อมสร้างตำนานบทใหม่ในวงการฟุตบอลของอังกฤษที่เป็นทีมสโมสรเล็กแต่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ ปัจจุบันเลสเตอร์ ซิตี้ เป็น 1 ใน 20 ทีมฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกและมีอะคาเดมี่สอนฟุตบอลที่ดีที่สุดติด 1 ใน 3 ของอังกฤษสร้างตำนาน 'จิ้งจอกสยาม’ ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก รวมถึง กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกลุกขึ้นสู้กับความเป็นไปไม่ได้ในชีวิตให้กลายเป็นสิ่งที่ 'เป็นไปได้’ และหลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2560 คิง เพาเวอร์ ได้เข้าบริหารสโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน ทีมฟุตบอลในระดับดิวิชั่น 2 ของประเทศเบลเยียม ภายใต้วัตถุประสงค์ที่จะสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยเช่นกัน
นอกจากสร้างโอกาสไว้ในระดับสากล ยังมีการปูพื้นฐานในระดับประเทศ สนับสนุนผลักดัน ด้วยโครงการที่สร้างแรงบันดาลใจในกีฬาฟุตบอลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โครงการล้านลูก ล้านพลัง สานฝันเด็กไทย สร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแบบมาตรฐานสากล โครงการคลินิกฟุตบอล FOX DREAM โครงการ KING POWER CUP ที่เป็นทัวร์นาเมนท์ รุ่นอายุ 15 ปี ระดับประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อคัดเลือกเยาวชนไทยที่มีฝีเท้าดีที่สุดเข้าไปอยู่ในโครงการ FOX HUNT ซึ่งน้องๆ จะได้รับทุนการศึกษาและไปฝึกทักษะฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ระยะเวลา 2 ปี
และวันนี้ มีอีกหนึ่งโครงการที่เป็นความร่วมมือระหว่าง 2 สโมสรมีคนไทยเป็นเจ้าของและมีวิสัยทัศน์เดียวกัน เปิดโอกาสให้นักเตะอาชีพของไทย ได้มีโอกาสแสดงความสามารถในเวทีระดับยุโรป เพื่อต่อยอดยกระดับวงการฟุตบอลอาชีพไทยสู่ยุโรป โดยมี 3 นักเตะดาวรุ่งดีกรีทีมชาติไทยของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่าง ภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา เข้าร่วมทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงฟุตบอลไทยลีกปิดฤดูกาลในปี 2020 เป็นเวลา 1 เดือน
โดยคุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย และความตั้งใจแรกของเราที่เข้าบริหารสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ คือเราจะสนับสนุนความสามารถของนักเตะไทย เลสเตอร์ ซิตี้ ให้ความสำคัญกับบุคลากรและการพัฒนาศักยภาพของนักเตะรวมถึงด้านสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะมาพัฒนาทักษะซึ่งเรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการลงทุนด้านฟุตบอลระยะยาว ปัจจุบันเรามีศูนย์ฝึกซ้อมแห่งใหม่ที่ทันสมัยที่สุดในยุโรป และมีศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาที่ดีที่สุดเพื่อให้นักเตะทุกคนสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ในทุกช่วงเวลา การที่ 3 นักเตะดาวรุ่งได้ไปทดสอบฝีเท้าที่เลสเตอร์ ซิตี้ นับว่าเป็นโอกาสที่นักเตะจะได้โชว์ฝีเท้าและความสามารถของตัวเองในระดับยุโรป ถ้าผลการทดสอบออกมาตามเกณฑ์ก็จะสนับสนุนให้ไปเล่นต่อที่สโมสรในยุโรป อาทิ สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และสโมสรฟุตบอล โอเอช ลูเวิน ประเทศเบลเยี่ยม ในอนาคต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของทั้ง 3 คน ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีหากการทดสอบไม่ประสบความสำเร็จอย่างน้อยก็มีรายชื่ออยู่ในฐานระบบ Scouting ของยุโรป ที่ผ่านมาเลสเตอร์ ซิตี้ เราเล็งเห็นถึงศักยภาพของคนไทยในด้านกีฬามาโดยตลอด โครงการต่างๆ ที่เลสเตอร์ และคิง เพาเวอร์ ทำมาเพื่อตอบโจทย์ว่าเราอยากเห็นคนไทยไปเล่นในสโมสรในยุโรป”
ในขณะที่ คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า “เป้าหมายหลักในครั้งนี้อยากเห็นนักฟุตบอลไทยได้มีโอกาสเล่นในลีกระดับสากล ตลอดระยะเวลาที่ทำฟุตบอลมา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เราสร้างโอกาส และส่งเสริมในการส่งนักเตะไทยไปทดสอบฝีเท้า หรือ เซ็นสัญญา กับทีม ในลีกที่ดีกว่าเสมอ และถ้าจุดหมายปลายทางนั้นเป็นยุโรป โดยเฉพาะถ้าเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ เราจะผลักดันอย่างเต็มที่ และเราอยากให้คนทั้งโลกได้เห็น ตัวอย่างความมุ่งมั่นและพยายาม ที่พร้อมทุ่มเทแบบสุดตัวของคนไทย ผมมั่นใจว่าเด็กของบุรีรัมย์ จะสามารถเป็นแบบอย่างที่ดี ให้กับเด็กรุ่นต่อไป ที่กำลังเดินตามเส้นทางของฟุตบอลอาชีพได้การพัฒนาวงการฟุตบอลไทย จะต้องก้าวหน้าไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง การลงมือทำต่อจากนี้ ต้องสามารถจับต้องได้ เห็นเป็นรูปธรรม ที่สำคัญต้องได้มาตราฐาน ในระดับสากล จึงเกิดเป็นความร่วมมือที่จะส่ง 3 นักเตะของสโมสร ที่มีฝีเท้าโดดเด่น เพื่อเข้าทดสอบฝีเท้ากับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ในครั้งนี้”
ด้าน 3 เยาวชนไทยที่ได้รับโอกาสนี้ โดย สุภโชค สารชาติ กองกลางตัวรุก กล่าวว่า “ผมคนอำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษครับ รักกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆ เล่นกับเพื่อนๆ แถวบ้านครับ จนพอทราบว่าทางสโมสรฯ เปิดคัดนักเตะอะคาเดมีก็ได้มาคัดตัวและได้เข้ามาอยู่ที่สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 13 ปี ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ อดทน ฝึกฝน อยู่ในระเบียบวินัย และการแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ทำให้ผมได้ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ตอนอายุ 19 ปี ปัจจุบันผมอายุ 22 ปี และผมก็ยังคงฝึกฝนและรักษามาตรฐานของตัวเองไว้เป็นอย่างดี จนทำให้ได้รับมีโอกาสที่พิเศษเช่นนี้ ต้องขอบคุณทางสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เห็นความสามารถและคัดเลือกพวกเราทั้ง 3 คน เราจะตั้งใจ และพยายามทำให้เต็มที่ เรียนรู้ความเป็นมืออาชีพ พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด”
ด้านน้องชาย ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้า วัย 18 ปี เล่าว่า “ผมเล่นฟุตบอลเพื่อความสนุกสนาน เพราะผมกับพี่ชาย (สุภโชค สารชาติ) เป็นเด็กต่างจังหวัด ผมก็เล่นฟุตบอลมาตลอดตั้งแต่เด็ก ตอนหลังผมเข้ามาคัดตัวที่สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ฯ ตามพี่ชาย และได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดของสโมสรฯ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนความคิดให้ผมอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ การเข้าสู่อะคาเดมีเต็มไปด้วยกฎระเบียบที่เคร่งครัด มีการปลูกฝังเรื่องนี้ให้นักฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนต้องอยู่ในกฎระเบียบ เพื่อที่ตัวเองจะได้มีเงินเดือน มีอาชีพที่ดีต่อไป แต่พอขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ ผมก็เห็นว่ามันมีการแข่งขันภายในทีมที่สูง ทุกคนเป็นมืออาชีพและพยายามสู้เพื่อแย่งชิงโอกาสเป็นตัวจริงยิ่งผมเป็นเด็กอายุน้อย ผมก็ต้องซ้อมให้หนักกว่า พยายามให้มากกว่ารุ่นพี่ ผมต้องทำงานหนักเพื่อทำให้โค้ชเชื่อใจ และเห็นว่าผมสามารถเล่นได้ถ้าให้โอกาสผม ลงสนาม และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจทำให้ผมได้โอกาสเป็น 1 ใน 3 คน ที่ได้มีโอกาสไปฝึกทักษะที่สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และพวกเราทั้ง 3 คนมั่นใจว่า ก่อนปิดฤดูกาลไทยลีกอีก 1 ปี เรายังพอมีเวลาที่จะเตรียมตัวพร้อมสู้ เตรียมตัวปรับทักษะในด้านต่างๆ เพื่อพร้อมไปแสดงฝีเท้าที่สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้
ในส่วน ศุภชัย ใจเด็ด เสริมว่า “การได้มีโอกาสไปฝึกซ้อมครั้งนี้ เป็นช่วงเวลาที่ได้พิสูจน์ตัวเอง จะแสดงศักยภาพตัวเองให้ดีที่สุด เมื่อมีโอกาสจะเก็บประสบการณ์ให้มากที่สุด พร้อมจะเดินทางไปทำหน้าที่และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ครั้งนี้อย่างเต็มที่ เพื่อโอกาสที่จะได้เล่นในลีกยุโรป และเพื่อเป็นการเปิดประตูให้กับน้องๆ รุ่นหลัง รวมถึงจะได้นำมาพัฒนาฝีเท้าเองเพื่อช่วยทีมชาติไทยต่อไป
และเพื่อเป็นกำลังใจให้ 3 นักกีฬาฟุตบอลที่กำลังได้รับโอกาสไปฝึกฝนสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพในยุโรป ซึ่งจะสร้างโอกาสที่ดีต่อไปในสายอาชีพฟุตบอล ตลอดจนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กและเยาวชนไทยที่อยากมีโอกาสเหมือนนักเตะดาวรุ่ง โดย
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ได้ฝากข้อความถึง 3 เยาวชนไทย ว่า “ผมอยากจะใช้โอกาสนี้อวยพรให้ทุกคนโชคดี กับการมาทดสอบฝีเท้าที่เลสเตอร์ ซิตี้ การถูกเชิญมาร่วมทดสอบฝีเท้าในครั้งนี้ แน่นอนว่าพวกคุณทำดีมากๆ แล้ว และถ้าพวกคุณทุ่มเทอย่างต่อเนื่อง เชื่อในความสามารถของตัวเอง และตั้งใจทำให้ดีที่สุด ผมมั่นใจว่าพวกคุณจะต้องทำให้โค้ชประทับใจอย่างมาก การมาร่วมทดสอบฝีเท้านั้น ผมอยากให้คุณนำความมั่นใจมาด้วย รวมถึงฟังโค้ชและเชื่อใจเขาและปล่อยให้ตัวเองได้แสดงศักยภาพทางด้านทัศนคติ และความกระหายในการเรียนรู้ออกมา ให้เห็นว่าคุณพร้อมที่จะไปสู่ความสำเร็จ พวกเราตั้งตารอคอยที่จะต้อนรับทุกคนเข้าสู่เลสเตอร์ ซิตี้ และขออวยพรให้พวกคุณทุกคนโชคดีในการมาทดสอบฝีเท้าครั้งนี้ หวังว่าผมจะมีโอกาสได้พบพวกคุณทุกคน ขอให้ทุกคนโชคดีครับ”
และ เจมส์ แมดดิสัน นักฟุตบอลดาวรุ่ง กล่าวว่า “ผมขออวยพรให้ทุกคนโชคดีในการมาร่วมทดสอบฝีเท้าครั้งนี้ ผมเข้าใจดีว่าการมาทดสอบฝีเท้าแบบนี้ เป็นประสบการณ์ที่กดดันมากๆ แต่นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่คุณจะแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ ผมยังจำภาพตอนเด็กๆ ที่ไปร่วมทดสอบฝีเท้าแบบนี้ได้ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก เป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่จะได้แสดงศักยภาพ ว่าคุณพร้อมที่จะลุยต่อขนาดไหน และสามารถนำคำแนะนำของโค้ชมาปรับใช้ในการทดสอบฝีเท้าได้เร็วแค่ไหน สิ่งสำคัญคือต้องมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังต้องเรียกความมั่นใจของตัวเองออกมาให้ได้ เพื่อที่จะแสดงให้โค้ชเห็นถึงจุดเด่นในการเล่นฟุตบอลแบบที่เราถนัด ผมและทีม ขอให้พวกคุณทุกคนโชคดี ยินดีต้อนรับเข้าสู่เลสเตอร์ ซิตี้ครับ”
ทั้งหมดนี้ คือเครื่องยืนยันแล้วว่า เยาวชนไทย ที่สนใจอยากจะเล่นกีฬาฟุตบอลให้เป็นอาชีพ วันนี้มีโอกาสมากมายจากผู้ใหญ่ในสังคม ขอเพียงแค่มีความตั้งใจ และมีระเบียบวินัย มุ่งมั่นให้ฝันนั้นเป็นจริงได้
ปัจจุบันสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ได้กำลังสร้างศูนย์ฝึกซ้อมแห่งใหม่ที่ทันสมัยที่สุดในยุโรป มีสนามซ้อมมากกว่า 14 สนาม สนามแข่งขันระดับมาตรฐานจำนวน 2 สนาม และมีสนามหญ้าเทียมทั้ง Indoor และ Outdoor รวมถึงมีศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาที่ดีที่สุดเพื่อให้นักเตะทุกคนได้ฟื้นฟูร่างกายในทุกช่วงเวลา และจะกลายเป็นสถานที่ที่ช่วยสร้างโอกาสด้านฟุตบอลที่ยั่งยืนให้กับ เด็กและเยาวชนไทยที่มีความมุ่งมั่นอีกมากมายในอนาคต