![EA จับมือ อว. สวทช. พัฒนาประสิทธิภาพการผลิตแบตเตอรี่ ด้วยการใช้วัสดุการเกษตร พัฒนาบุคลากร พร้อมเปิดศูนย์ทดสอบแบตฯ สุดทันสมัย]()
กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--พลังงานบริสุทธิ์
EA ผนึกพลังกับ อว.
สวทช. ลงนามความร่วมมือศึกษาการเพิ่มขีดความสามารถการทำงานของอุปกรณ์กักเก็บ
พลังงานไฟฟ้าความจุสูง นำวัสดุทางการเกษตร เช่น กะลาปาล์ม มาเป็นวัตถุดิบ หวังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยง
อุตสาหกรรมในประเทศ รวมถึงพัฒนาวงจรจัดการระบบการทำงานของ
แบตเตอรี่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพให้สูงขึ้น พัฒนาบุคลากร พร้อมทั้งประสานความร่วมมือในการใช้ศูนย์ทดสอบ
แบตเตอรี่ที่ทันสมัยที่สุด และเชื่อมั่นว่า
อุตสาหกรรมอุปกรณ์กักเก็บ
พลังงานไฟฟ้าความจุสูง เป็นหัวใจหลักในขับเคลื่อน
อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (
สวทช.) จัดพิธีลงนามความร่วมมือร่วมกับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ในโครงการความร่วมมือวิจัยพัฒนาวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการทำงานของอุปกรณ์กักเก็บ
พลังงานไฟฟ้าความจุสูง หรือ
แบตเตอรี่ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงโดยพึ่งพาทรัพยากรและการผลิตภายในประเทศ ลดการนำเข้าและการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนา
อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องต่อไป โดยมี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (
สวทช.) และ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมลงนาม
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (
สวทช.) กล่าวว่า ความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการทำงานของอุปกรณ์กักเก็บ
พลังงานไฟฟ้าความจุสูงที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูง โดยพึ่งพาทรัพยากรและการผลิตภายในประเทศนี้
สวทช. โดย ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ (National Security and Dual-Use Technology Center-NSD) หน่วยงานหลักในการดำเนินงานวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความมั่นคงของประเทศที่สามารถประยุกต์ใช้งานทั้งในหน่วยงานด้านความมั่นคงและในภาคประชาชนทั่วไปเชิงพาณิชย์ ร่วมมือการวิจัยและพัฒนากับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ในระยะเวลา 5 ปี (2563 – 2568) พร้อมทั้งเปิดศูนย์ทดสอบ
แบตเตอรี่ที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย เป็นศูนย์กลางในการทดสอบมาตรฐานของ
แบตเตอรี่และผลิต
แบตเตอรี่ที่มีมาตรฐานในระดับสากล ด้วยการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านความมั่นคงทางพลังงานในการขับเคลื่อนและขยายผลของงานวิจัยไปสู่การประยุกต์การใช้งานจริง โดยการสนับสนุนในการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งเสริม แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ บุคลากร และขยายผลการวิจัยในด้านอุปกรณ์กักเก็บ
พลังงานไฟฟ้าความจุสูง (
แบตเตอรี่) ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูง อาทิ ตัวเก็บประจุยิ่งยวด (Supercapacitor)
แบตเตอรี่สังกะสี - ไอออน
แบตเตอรี่ลิเทียม - ซัลเฟอร์ การผลิตคาร์บอนกัมมันต์ (Activated Carbon) จากผลิตผลทางการเกษตร เช่น กะลาปาล์ม การพัฒนากระบวนการผลิตและการสังเคราะห์กราฟีน ซึ่งเป็นวัสดุคาร์บอนแบบสองมิติที่มีคุณสมบัติช่วยทำให้
แบตเตอรี่และตัวเก็บประจุมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่มีอยู่ในท้องตลาด รวมถึงวงจรจัดการระบบการทำงานของ
แบตเตอรี่ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง โดยให้ความสำคัญกับการพึ่งพาทรัพยากรและการผลิตภายในประเทศ เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งให้เกิดการพัฒนา
อุตสาหกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน
ด้านนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA เปิดเผยว่า การเซ็น MOU ร่วมกับ
สวทช. ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ที่จะนำเทคโนโลยีที่จะได้รับไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิต และพัฒนาคุณสมบัติของ
แบตเตอรี่ อันจะเป็นประโยชน์ต่อโครงการผลิต
แบตเตอรี่ของบริษัทที่จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการสนับสนุน
อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
จุดเด่นที่สำคัญอย่างยิ่งอีกประการหนึ่งของการประสานความร่วมมือครั้งนี้คือ การพัฒนาบุคลากร รวมถึงการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนการใช้ศูนย์ทดสอบ
แบตเตอรี่ระหว่างกันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งต่างก็มีการลงทุนติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย และมีมาตรฐานสูงในระดับสากล นับเป็นการประสานประโยชน์เพื่อใช้ทรัพยากรที่ลงทุนไปอย่างคุ้มค่า การพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรภายใต้ความร่วมมือในโครงการนี้ จะก่อให้เกิดการส่งเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกันยิ่งขึ้นต่อไป