กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--นานมีบุ๊คส์
ในชีวิต เรามักจะต้องพบกับปัญหาต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะการเรียน การทำงาน ชีวิต ครอบครัว หรือแม้แต่ความรัก ซึ่งทุกคนก็มีวิธีรับมือกับปัญหาที่แตกต่างกันออกไป แล้วถ้าบางปัญหาเราหาทางออกไม่เจอหรือไม่รู้จะปรึกษาใครล่ะ เราจะทำอย่างไร
วันนี้เรามีหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้ข้อคิด แนะแนวชีวิตจากประสบการณ์จริงของนักธุรกิจหญิงสุดแกร่ง มาแนะนำนั่นก็คือ ๑๐๐ ข้อคิดจากอิฐ ๑ ก้อน โดย คุณกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทโตชิบา ประเทศไทย เคยเป็นกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จากนั้นได้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และเมื่อหมดวาระก็กลับมารับตำแหน่งประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย ผู้ say yes! กับทุกโอกาส เพื่อนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต
เป็นหนังสือที่คุณกอบกาญจน์ได้คัดสรร ๑๐๐ ข้อคิดจากชีวิตจริงที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของเธอตั้งแต่เด็ก ทั้งคำสอนและแบบอย่างที่ดีจากคุณพ่อคุณแม่และครอบครัว สิ่งที่พบเจอเมื่อไปเรียนต่างแดน การผันตัวมาทำงานที่ต่างจากสิ่งที่เรียน สิ่งที่ได้เมื่อเข้ามาทำงานที่กลุ่มบริษัทโตชิบา ไทยแลนด์จนถึงปัจจุบัน
หนังสือเล่มนี้ยังออกในวาระพิเศษที่คุณกอบกาญจน์อายุ 60 ปีบริบูรณ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ภายในเล่มยังแบ่งออกเป็น 7 เส้นทางชีวิตของเธอผ่านข้อคิดหรือมุมมองที่ใช้ในการก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่ผู้อ่านทุกท่าน
แม้ภาพลักษณ์ที่คนมองคุณกอบกาญจน์จะดูเป็นหญิงแกร่ง แต่ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่อ่อนไหวมาก “น้ำตา” จึงเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่เธอคิดเสมอว่า หากร้องไห้ออกมาแล้ว พรุ่งนี้เช้าต้องลุกขึ้นมาและเดินหน้าต่อไป
นามสกุล “สุริยสัตย์” ที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิดแปลว่า “ซื่อสัตย์ดั่งดวงอาทิตย์” ซึ่งได้รับพระราชทานมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ตั้งแต่สมัยคุณปู่ที่ทำงานในกระทรวงกลาโหม ยังขัดเกลาให้เธอได้เรียนรู้ว่า “เราจะซื่อสัตย์อย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องรู้ทันคนด้วย” เธอจึงได้รับการถ่ายทอดความซื่อสัตย์และซื่อตรงมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่
ชีวิตของเธอยังได้ผ่านบททดสอบเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ตั้งแต่สมัยเรียน เพราะในห้องสอบไม่มีคุณครูมาคุมสอบ และด้วยความยังเป็นเด็กในสมัยนั้น เธอและเพื่อนๆ จึงอยากรู้อยากลองทุจริตดู แต่หลังจากสอบเสร็จเธอและเพื่อนๆ กลับรู้สึกแย่ เพราะคิดว่าคะแนนที่ได้มานั้นไม่ได้เกิดจากความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง สุดท้ายเธอและเพื่อนๆ จึงตัดสินใจไปสารภาพกับคุณครูและรับบทลงโทษไป
คนเราทำผิดพลาดกันได้ แต่ไม่ได้หมายความเราว่าจะต้องผิดไปตลอดชีวิต ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการคิดและการตัดสินใจของเราในเวลานั้นเท่านั้นเอง และเราต้องเคารพตนเองก่อนและคนอื่นจะเคารพเรา
คนทุกคนล้วนเคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้น แต่ถ้าเรากลับใจและพยายามปรับตัว ก็ไม่มีคำว่าสายเกินไปไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อคิดจากชีวิตของคุณกอบกาญจน์ เราคงได้เห็นแล้วว่าไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราเลือกที่จะทำทุกอย่างให้เต็มที่และดีที่สุดได้ในแบบของเราได้ตามช่วงเวลานั้น
ภายในหนังสือยังมีข้อคิดอีกมากมายทั้งตอนเจอปัญหา ต้องพบวิกฤต เธอคิดอย่างไรจึงผ่านทุกเรื่องราวมาได้ แม้ทุกคนจะมีแนวทางการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไป แต่เราก็หวังหนังสือเล่มนี้จะเป็นส่วนหนึ่งหรืออีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ทุกคนสู้ต่อไป และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดัง
คุณกอบกาญจน์เชื่อว่าทุกสิ่งที่เข้ามาล้วนดีเสมอ เธอจึงเปิดรับทุกโอกาส ด้วยคติที่ว่า นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต!