บมจ.เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) ยิ้มร่า รับครม.ไฟเขียวโครงการ ?คนละครึ่งเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการ? โดดรับอานิสงส์เต็มที่เนื่องจากมีฐานลูกค้าถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แถมจังหวัดสงขลามีผู้ลงทะเบียนกว่า 2 แสนราย ?กวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล? คาดกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในสินค้าอุปโภคบริโภคของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ขณะที่กำลังซื้อในพื้นที่ภาคใต้ยังแข็งแกร่ง หนุนยอดขายในอนาคตโต
นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ KK ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านร้านสาขา "เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์" ครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล เปิดเผยว่า ตามที่ ครม. อนุมัติโครงการ "คนละครึ่ง" ในลักษณะการร่วมจ่าย (Co-pay) ระหว่างประชาชนที่เข้าร่วมโครงการและรัฐบาล และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อการอุปโภคบริโภคที่จำเป็น จำนวน 500 บาท/คน ส่งผลบวกแก่บริษัทฯ โดยตรง เนื่องจากฐานลูกค้าของ KK ส่วนหนึ่ง คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งในจังหวัดสงขลามีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 200,000 ราย โดยคาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มมากขึ้น หนุนยอดขายเติบโตต่อเนื่อง
?มาตรการที่ครม.เห็นชอบเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้กับประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการฯ ในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนธุรกิจของบริษัทฯ ในฐานะที่ทำธุรกิจค้าปลีกจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี?
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากร้านสาขาเดิมที่เป็นผลมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขยายสาขาใหม่จำนวน 3 สาขาในปีนี้ ประกอบกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ประชาชนในพื้นที่ตื่นตระหนกในสถานการณ์ดังกล่าวและเข้าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ เพื่อเตรียมสำรองไว้ยามฉุกเฉินทำให้บริษัทมีรายได้จากการค้าปลีกช่วงไตรมาส 2/2563 สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อว่ากำลังซื้อของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ยังอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากราคายางพารามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งสินค้าที่บริษัทฯ จำหน่ายเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และภาครัฐยังคงสนับสนุนประชาชนผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลดีต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในอนาคต