นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิดเค โกลด์-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-GOLD-A(D)) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค โกลบอล บอนด์ (K-GB) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยทั้ง 2 กองทุนมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 155.10 ล้านบาท
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-GOLD-A(D) ใช้กลยุทธ์การบริหารผ่านกองทุนหลัก SPDR Gold Trust ที่เน้นลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำแท่งในตลาดโลก โดยกองทุนมีการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้ง รวมทั้งสิ้น 20 ครั้ง เป็นเงิน 5.35 บาทต่อหน่วย และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 6.70% ต่อปี อย่างไรก็ดี สำหรับมุมมองต่อตลาดทองคำในระยะนี้ยังคงมีแรงหนุนจาก 1) การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ จากการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ได้ดีพอ 2) อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเข้าสู่ภาวะติดลบ ทำให้ต้นทุนในการถือครองทองคำลดลง และ 3) ผู้ลงทุนทั่วโลกยังเพิ่มการถือครองทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เริ่มคลี่คลาย รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น อาจทำให้ความน่าสนใจในทองคำลดลงได้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้ผู้ลงทุนถือครองหน่วยลงทุนของกองทุน K-GOLD เป็นสัดส่วน 5-10% ของพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยง มากกว่าการเข้าลงทุนเป็นสัดส่วนหลักของพอร์ต (Core Portfolio) หรือการเก็งกำไรในระยะสั้น
?สำหรับกองทุน K-GB ใช้กลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก (Active Management) ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds ? Aggregate Bond Fund, Class JPM Aggregate Bond A (acc) ? USD ซึ่งได้รับการจัดอันดับ 4 ดาวจาก Morningstar (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 63) มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ทั้งในและต่างประเทศ โดยได้รับอานิสงส์จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00-0.25% และส่งสัญญาณจะคงที่ระดับนี้ไปจนถึงปี 2566 อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดเงินจะมีเสถียรภาพจากสภาพคล่องที่มีอยู่ในระบบ แต่ความผันผวนจากสถานการณ์ COVID-19 ยังคงมีอยู่ ซึ่งอาจทำให้ตลาดเข้าสู่โหมด Risk-off ได้อีก ดังนั้น กองทุน K-GB จึงเหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างต่ำที่กำลังมองหาโอกาสรับผลตอบแทนจากตราสารหนี้ทั่วโลก และได้รับเงินปันผลระหว่างการลงทุน ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนใหม่ที่สนใจ แนะนำให้ประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน ส่วนผู้ลงทุนเดิมที่ถือครองอยู่แล้ว แนะนำให้ถือต่อเพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน? นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-GOLD-A(D) และ K-GB สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน - กองทุน K-GOLD-A(D) มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ - กองทุน K-GB มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ - เนื่องจากกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือ ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้