?ซาบีน่า? รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อไตรมาสสุดท้ายปลายปีของรัฐ ?ช้อปดีมีคืน? ดันยอดขายไตรมาส 4 กลับมาตามเป้าหมาย หากไม่มีสถานการณ์พลิกผันทั้งการเมืองและการระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง เผยเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องสินค้าให้ลูกค้าได้เลือกช้อป และการออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบที่ต้องใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการลดหย่อนภาษี ทั้งการซื้อสินค้าในซาบีน่า ช้อป, เคาน์เตอร์ซาบีน่า รวมถึงช่องทางซาบีน่าออนไลน์
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้ แบรนด์ ?ซาบีน่า? เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลกำหนดมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยผ่านแคมเปญ ?ช้อปดีมีคืน? ซึ่งให้สิทธิ์ผู้บริโภคนำค่าซื้อสินค้าและบริการไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ภายในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคมจนถึง 31 ธันวาคม 2563 นั้น บริษัทฯ มั่นใจว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงปลายปีนี้ได้อย่างคึกคัก โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่มที่มีกำลังซื้อและเป็นผู้เสียภาษี โดยเชื่อว่า สินค้า ?ซาบีน่า? จะเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าจากโครงการดังกล่าว
?เรามีประสบการณ์จากแคมเปญ ?ช้อปช่วยชาติ? ที่ทำในลักษณะคล้ายกัน แตกต่างแค่วงเงินที่ครั้งนี้ให้สูงสุดถึง 30,000 บาทกับระยะเวลานานถึง 2 เดือนกับ 1 สัปดาห์ ซึ่งทั้งวงเงินและระยะเวลาที่มากขึ้น จะช่วยเพิ่มอำนาจซื้อและเพิ่มรอบการใช้จ่ายให้กับลูกค้า จากปกติยอดซื้อสินค้าของลูกค้าจะอยู่ในราว 1,000-3,000 บาทต่อหนึ่งใบเสร็จ โดยซาบีน่าได้เตรียมพร้อมรับกับมาตรการดังกล่าวทั้งในแง่ของสินค้าที่มีความหลากหลายให้ผู้บริโภคได้เลือกตามไลฟ์สไตล์และการใช้งาน รวมถึงความพร้อมในการออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบที่จะต้องนำไปใช้เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษี ซึ่งลูกค้าสามารถขอใบกำกับภาษีจากการซื้อสินค้าซาบีน่า ผ่านซาบีน่า ช้อป รวมถึงเคาน์เตอร์ซาบีน่าในห้างสรรพสินค้า และช่องทางซาบีน่าออนไลน์ทุกช่องทาง โดยลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านไลน์ @ : @SabinaThailand? นายบุญชัยกล่าว
ทั้งนี้ หากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ไม่มีปัจจัยพลิกผันจากสถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผนวกกับการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านโครงการ ?ช้อปดีมีคืน? ก็เชื่อว่า ยอดขายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมกันนี้ ซาบีน่ายังคงเดินหน้าเพิ่มช่องทางการขายใหม่เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค รวมถึงเตรียมที่จะออกแคมเปญใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมชุดชั้นในส่งท้ายปีนี้อีกด้วย