อีกหนึ่งปัญหาในช่องปากที่หลายคนอาจมองข้ามการรักษา เพราะคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย นั่นก็คือคราบหินปูนที่เกาะตามผิวฟัน ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจนำมาสู่ปัญหาช่องปากอื่นๆ ได้อย่างคาดไม่ถึง
หินปูนนั้นพัฒนามาจากคราบพลัค หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือขี้ฟันนั่นแหละครับ คือจะมีลักษณะเป็นฟิล์มบางๆ ใสๆ เกาะอยู่ทุกส่วนทั่วทั้งบริเวณฟันของเรา และไม่ได้เกาะติดทนอะไรมาก แค่เราแปรงฟันถูกวิธีก็หลุดหมดแล้ว
แต่ถ้าเรากินพวกคาร์โบไฮเดรต แป้งหรือน้ำตาลบ่อยๆ และปล่อยทิ้งไว้นานๆ ก็จะทำให้แบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากเข้ามาชุมนุมกินน้ำตาลที่ตกค้างตามซอกฟัน เมื่อแบคทีเรียกับคราบพลัคอยู่กันนานๆ แล้วโดนแร่ธาตุจากน้ำลาย ก็จะทำให้จากฟิล์มนิ่มๆ กลายเป็นคราบแข็งฝังติดแน่นทนนานได้
นานวันเข้าชั้นฟิล์มในส่วนที่เราแปรงฟันไม่สะอาด ก็จะหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะกลายเป็นหินปูนที่แข็ง ที่ไม่สามารถแปรงออกได้เอง และถ้าปล่อยให้หินปูนทับถมนานๆ ก็อาจทำให้เกิดฟันผุหรืออาจลามไปถึงเหงือกอักเสบ หรือกระทบกับรากฟันได้เลย ซึ่งหินปูนที่เกาะติดแน่นทนนาน สุดท้ายก็ต้องให้หมอฟันใช้เครื่องมือพิเศษทำการขูดแงะหินปูนออกเท่านั้น
แล้วจะขูดหินปูนยังไง??ไม่ให้เจ็บ แนะนำให้ขูดหินปูนเป็นประจำทุก 6-12 เดือนเพราะถ้าหินปูนยังพอกไม่แน่น หรือยังไม่ลามลึกเข้าสู่ร่องเหงือก อันนี้ขูดยังไงก็ไม่ค่อยเจ็บ ที่เจ็บๆ ส่วนใหญ่คือหินปูนสะสมนานและลามลึกเข้าสู่ร่องเหงือก จึงต้องแซะตรงร่องเหงือกด้วยเลยทำให้ระบมหรือเจ็บหลังขูดหินปูนกันเป็นประจำนั่นเอง
ซึ่งนอกจากการไปหาหมอฟันทุกๆ 6-12 เดือนแล้ว การดูแลช่องปากให้ดีก็ช่วยได้เยอะเลยนะครับอาจใช้เป็นไหมขัดฟันหรือน้ำยาบ้วนปากร่วมด้วยหลังแปรงฟันก็ได้ แต่ถ้าใครแพ้น้ำยาบ้วนปากหรือไม่ได้ใช้ไหมขัดฟัน การแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้า-เย็นหรือถ้าสามารถแปรงฟันกลางวันได้ก็จะยิ่งดีและพยายามเลือกแปรงสีฟันที่เหมาะสมกับปากตัวเอง หรืออาจใช้เป็นแปรงสีฟันที่ขนแปรงบิดเกลียวหมุนช่วยเพิ่มพื้นที่สัมผัสผิวฟันอันนี้ก็ช่วยได้และให้เลี่ยงทานของหวานระหว่างมื้อด้วยนะแค่นี้ก็ช่วยลดการเกิดหินปูนได้เยอะแล้ว
เพียงทำตามขั้นตอนทั้งหมดที่ว่ามารับรองว่าการขูดหินปูนครั้งหน้า จะไม่เจ็บปากและไม่ต้องกินโจ๊กทุกมื้อติดต่อกันหลายวันแน่นอน?