เดือนตุลาคมของทุกปีเป็นช่วงเวลาที่หลายๆ คนหันมารับประทานผักแทนเนื้อสัตว์ และมองหาตัวเลือกในการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันนี้ ยังถือเป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเล็กๆ น้อยๆ แต่สร้างความหมายที่ยิ่งใหญ่
ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลกระบุว่า โรคกลุ่มที่ไม่ติดต่อ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานและภาวะโรคอ้วน เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้คนร้อยละ 70 ทั่วโลก และนับเป็นร้อยละ 74 ของประเทศไทยในแต่ละปี ในขณะที่อัตราการเกิดโรคหัวใจในประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่สูง อย่างไรก็ตาม เราสามารถป้องกันโรคเหล่านี้ได้ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการบริโภค ซึ่งอาจฟังดูง่าย แต่กลับเป็นสิ่งที่ท้าทายไม่น้อย ต่อไปนี้คือ เคล็ดไม่ลับที่จะช่วยให้คุณรักษาสมดุลทางโภชนาการได้แม้เลือกบริโภคมื้ออาหารที่เน้นผักผลไม้มากขึ้น
อาหารประเภทมังสวิรัติไม่ได้น่าเบื่อ ชุ่มน้ำมัน และเต็มไปด้วยแป้งเสมอ ร่างกายของเราต้องการไขมันเพื่อสร้างพลังงาน แนะนำให้เลือกรับประทานไขมันชนิดดีที่พบในอะโวคาโด ถั่วต่างๆ หรือน้ำมันมะกอก ซึ่งน้ำมันชนิดนี้จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุในผักได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คุณอาจลองเทคนิคการทำอาหารรูปแบบใหม่ๆ โดยพรมน้ำมันชนิดดีลงบนอาหาร ใช้เป็นเครื่องเคียงแทนซอส น้ำจิ้มหรือน้ำสลัดก็ยังได้
การเลือกรับประทานอาหารเป็นหลักสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างหัวใจและสุขภาพโดยรวมที่แข็งแรง สำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ ควรมั่นใจว่าอาหารที่รับประทานในแต่ละวันนั้นให้คุณค่าทางโภชนาการที่เพียงพอในแต่ละวัน
พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วลูกไก่ คินัว และถั่วต่างๆ เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี นอกจากนี้ ผักใบเขียวอย่างแตงกวา เคล ผักกาดหอม บรอคโคลี ผักโขม กะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง และหัวไชเท้า มีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณน้อยและเปี่ยมด้วยกากใยอาหารและวิตามินที่ช่วยป้องกันการเกิดคอเลสเตอรอล โรคความดันสูง และต้านการอักเสบ
สำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบ วิธีง่ายที่สุดที่จะช่วยรังสรรค์เมนูมังสวิรัติให้อร่อยและสุขภาพดี คือปรับเปลี่ยนวัตถุดิบในการปรุงอาหาร นั่นก็คือ น้ำมันปรุงอาหาร ประเทศต่างๆ ที่ผู้คนมีสุขภาพดีมากที่สุดของโลกเป็นเพราะพวกเขาเลือกรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ และเลือกใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร
น้ำมันมะกอกมีสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในปริมาณมาก ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ งานค้นคว้าวิจัยจำนวนมากพบว่าผู้ที่บริโภคน้ำมันมะกอกมีโอกาสที่จะเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจและโรคความดันโลหิตสูงที่น้อยกว่าถึงร้อยละ 35 นอกจากนี้ น้ำมันมะกอกยังเต็มไปด้วยสารต้านการอักเสบและได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
น้ำมันมะกอกถือเป็นวัตถุดิบปรุงอาหารแบบสารพัดประโยชน์ อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารไทยในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่ใช้เป็นน้ำราดสลัด ใช้ในการผัดหรือทอดผัก ตลอดถึงใช้หมักอาหาร และใช้ทำขนมก็ยังได้
ด้วยวิธีมากมายที่รังสรรค์ให้อาหารมังสวิรัติมื้อโปรดอร่อยและไม่น่าเบื่อ จึงถือเป็นอีกทางในการดูแลรักษาสุขภาพของคุณเพื่อที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆ อย่างมีความสุข การปรับเปลี่ยนแนวทางการบริโภคแม้เพียงเล็กน้อย จะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังช่วยป้องกันดูแลหัวใจและช่วยให้คุณมีไลฟ์สไตล์ที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น
เกี่ยวกับเบอร์ทอลลี่(R)
เบอร์ทอลลี่(R) ก่อตั้งโดย มร. ฟรานเชสโก เบอร์ทอลลี่ ในปี 1865 ที่เมืองลุคคา แคว้นทัสคานี แบรนด์เบอร์ทอลลี่(R) ถือเป็นหัวใจสำคัญในการประกอบอาหารอิตาเลียนและวัฒนธรรมการกินแบบอิตาเลียน ในฐานะแบรนด์น้ำมันมะกอกที่เป็นที่ชื่นชอบในระดับโลก (ภายใต้แบรนด์ดีโอเลโอ) มานานกว่า 150 ปี พันธกิจของเบอร์ทอลลี่(R) คือการรักษาคุณภาพ ความมุ่งมั่นในการดึงความพิเศษจากส่วนผสมต่างๆตามธรรมชาติออกมาให้กับการปรุงอาหาร และการรักษาวัฒนธรรมในการสรรค์สร้างอาหารให้มีรสชาติโดดเด่น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ https://www.facebook.com/BertolliTH/