TNP หรือ บมจ.ธนพิริยะ ต้นแบบค้าปลีกท้องถิ่นของคนไทย อวดผลงาน 9 เดือน กำไรโตเกือบ 60% อยู่ที่ 89.73 ลบ. มีรายได้กว่า 1,580 ลบ. เพิ่มขึ้นกว่า 11% ทำนิวไฮรายไตรมาสนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท จากการขยายสาขาต่อเนื่อง ด้านสองแม่ทัพใหญ่ "ธวัชชัย และ อมร พุฒิพิริยะ" มองโค้งสุดท้ายของปี มีแววเด่น รับไฮซีซั่น ส่งท้ายปี 63 โดยมีการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่าง ๆ เช่นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือโครงการคนละครึ่ง อีกทั้ง โครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ขยายเวลาถึงสิ้น ม.ค. 64 พร้อมปลดล็อกใช้ในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านได้ ช่วยหนุนการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ มั่นใจรายได้ทั้งปีโต ไม่ต่ำกว่า 10-15%
นายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงราย เผยถึง ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีรายได้จากการขายจำนวน 1,580.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 162.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.47 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในงวดดังกล่าวในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการซื้อสินค้าล่วงหน้าของผู้บริโภค เนื่องจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของภาครัฐบาล ตลอดถึงการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จากสิ้นปี 2562 มี 27 สาขา ปัจจุบันมีจำนวน 30 สาขา
งวด 9 เดือนปี 2563 มีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 256.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 49.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.72 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 16.22 และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 89.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 33.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 59.60 โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 5.65
สำหรับผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 3/2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายจำนวน 518.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 44.86 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.47 มีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 85.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 14.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 20.32 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 16.56
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของยอดขาย และกำไรขั้นต้นส่วนใหญ่มาจากการขยายสาขาเพิ่มของบริษัทฯ โดยยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 3/2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 และการขายปลีกจากสาขาที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าการขายส่งของสำนักงานใหญ่ ประกอบกับการได้รับค่าสนับสนุนการขายจากผู้จำหน่าย ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทฯ มีการเติบโตของยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 30.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 10.63 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54.83 โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 5.76
ด้านเภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยถึง แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในโค้งสุดท้ายของปี 2563 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รับไฮซีซั่นธุรกิจ และการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือโครงการคนละครึ่ง ซึ่งส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยโครงการดังกล่าวจะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของภาคเหนือ ซึ่ง ครม. ได้มีมติอนุมัติขยายโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ไปจนถึง 31 ม.ค. 2564 พร้อมปลดล็อกให้ใช้ในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ คาดว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปกติ จากมาตรการดังกล่าว โดยจังหวัดเชียงราย นับเป็น 1 ในจังหวัดที่ได้รับความนิยมสำหรับการท่องเที่ยว ส่งผลให้มีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภค บริโภคอย่างคึกคัก มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2563 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10-15% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,960 ล้านบาท พร้อมรักษาความสามารถในการทำกำไรที่ดีต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ธนพิริยะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 30 สาขา ได้แก่ จังหวัดเชียงราย 24 สาขา จังหวัดพะเยา 4 สาขา และจังหวัดเชียงใหม่ 2 สาขา พร้อมหาสินค้าใหม่เข้ามาจำหน่าย โดยเฉพาะสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้ามาร์จิ้นสูง จากการร่วมมือกับพันธมิตรนำสินค้าเข้ามาจำหน่าย