บริษัท แลนซาเทค (LanzaTech) โททาล (Total) และลอรีอัล (L?Oreal) ได้เปิดตัวนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีความยั่งยืนชิ้นแรกของโลก ที่ผลิตจากกระบวนการดักจับและรีไซเคิลก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยจากภาคอุตสาหกรรม โดยกระบวนการแปรรูปก๊าซคาร์บอนนี้มีการทำงาน 3 ส่วน
- แลนซาเทค ทำหน้าที่ในการดักจับก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากการปล่อยจากภาคอุตสาหกรรม และนำมาแปลงเป็นเอทานอลโดยใช้กระบวนการทางชีววิทยาอันเป็นเอกลักษณ์
- โททาล ใช้นวัตกรรมที่พัฒนาร่วมกับ IFP Axens ในการแปลงเอทานอลให้เป็นเอทิลีน ด้วยกระบวนการดึงน้ำออก หลังจากนั้นทำการแปลงโพลิเมอร์ให้เป็นโพลีเอทิลีนหรือพลาสติกสังเคราะห์ ซึ่งมีคุณลักษณะทางเทคนิคที่เหมือนกับลักษณะของฟอสซิล
- ลอรีอัล ใช้โพลีเอทิลีนนี้ผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีคุณภาพและคุณสมบัติเหมือนกับโพลีเอทิลีนแบบดั้งเดิม
นวัตกรรมนี้เป็นความสำเร็จทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรมนั้น สามารถนำกลับมาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกได้ ความสำเร็จครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทพันธมิตรทั้ง 3 บริษัทต่อการพัฒนาพลาสติกจากเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนอย่างยั่งยืน และยังเป็นการกรุยทางไปสู่การดักจับและการนำมาใช้ซ้ำในกระบวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และทั้ง 3 บริษัท ตั้งใจจะทำงานร่วมกันต่อไป เพื่อขยายขอบเขตการผลิตพลาสติกอย่างยั่งยืน และพร้อมทำงานร่วมกับทุกๆ ฝ่ายที่ต้องการใช้พลาสติกประเภทใหม่ที่มีความยั่งยืนนี้
เจนนิเฟอร์ โฮล์มเกร็น ซีอีโอ แลนซาเทค กล่าวว่า "การเป็นพันธมิตรครั้งนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของเป้าหมายที่มีร่วมกันเพื่อสร้างโลกที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นสำหรับทุกๆ คน เรารู้สึกขอบคุณลอรีอัล และโททาลสำหรับความมุ่งมั่นในการลดความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท พวกเราสามารถลดคาร์บอนฟุตพรินท์ของบรรจุภัณฑ์ร่วมกันได้ด้วยการแปลงการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ และทำให้ไม่ต้องเกิดก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากการใช้งานเพียงครั้งเดียวอีกต่อไป"
วาเลรี กอฟฟ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายโพลีเมอร์ส โททาล กล่าวว่า "การเป็นพันธมิตรครั้งนี้เป็นตัวอย่างของความร่วมมือที่ยอดเยี่ยมระหว่างบริษัทในภาคอุตสาหกรรมที่ต่างกันในการพัฒนาพลาสติกแห่งอนาคต ที่ผลิตจากก๊าซคาร์บอนที่ผ่านการรีไซเคิล นอกจากนี้ ยังเป็นการพัฒนาแนวทางใหม่เพื่อสร้างคุณค่าให้กับก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยจากภาคอุตสาหกรรม และมีส่วนช่วยสนับสนุนพันธสัญญาในการทำให้การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในยุโรปให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2593"
ฌัก เพลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบรรจุภัณฑ์และพัฒนา ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า "ลอรีอัลเดินหน้าพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของ บริษัทฯ ให้มีฟุตพรินท์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมการแปลงก๊าซคาร์บอนให้เป็นโพลีเอทิลีนนี้ เราได้ตั้งเป้าหมายในการบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยเราจะใช้วัสดุที่มีความยั่งยืนนี้กับขวดแชมพูและครีมนวดผมของเราภายในปี พ.ศ. 2567 และเราหวังว่า บริษัทต่าง ๆ จะร่วมกันใช้นวัตกรรมที่เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญนี้ร่วมไปกับเรา"
เกี่ยวกับลอรีอัล กรุ๊ป
ลอรีอัลทุ่มเทในธุรกิจความงามมายาวนานกว่า 100 ปี โดยมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งประกอบไปด้วยกว่า 36 แบรนด์ ลอรีอัลกรุ๊ป มียอดขายผลิตภัณฑ์ 29.87 พันล้านยูโรในปี 2562 และมีพนักงานทั้งสิ้น 88,000 คนทั่วโลก ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก ลอรีอัลมีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายผ่านทุกช่องทาง ครอบคลุมถึงตลาดมวลชน ห้างสรรพสินค้า เภสัชกรรมและร้านขายยา ซาลอน ร้านค้าในสนามบิน ร้านค้าปลีก และอี-คอมเมิร์ซ
ลอรีอัลยึดมั่นในกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กรในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องโดยทีมงานวิจัย 4,100 คน มุ่งตอบสนองต่อความปรารถนาด้านความงามของผู้คนทั่วโลก ลอรีอัลได้ตั้งพันธสัญญาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับปี 2030 โดยมีเป้าหมายในสร้างระบบนิเวศแบบองค์รวมและสังคมที่ยั่งยืนต่อไป
เกี่ยวกับลอรีอัลประเทศไทย
ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นสาขาของบริษัทผู้นำความงามของโลก นำเข้าและจัดจำหน่าย 22 แบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์
- แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค: ลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่, เมย์เบลลีน นิวยอร์ก และนิกซ์ โปรเฟสชั่นแนล เมคอัพ
- แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง: ลังโคม, ไบโอเธิร์ม, จิออร์จิโอ อาร์มานี , ราล์ฟ ลอเรน, คาชาเรล, กี ลาโรช, คีลส์, ชู อูเอมูระ, วิคเตอร์ แอนด์ รอล์ฟ, ดีเซล, อีฟ แซงต์ โลร็องต์, เออเบิน ดีเคย์ และ อิท คอสเมติกส์
- แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ: ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส
- แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง: ลา โรช-โพเซย์,วิชี่ และเซราวี