กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--พิตอน คอมมิวนิเคชั่น
เอสจีเอสห่วงใยสุขภาพมนุษย์ตึก เปิดตัวบริการเพื่อคุณภาพชีวิตคนทำงาน
รับตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
พร้อมย้ำโรคมนุษย์ตึก Sick Building Syndrome น่ากลัวกว่าที่คิด
บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายจิโรจ ณ นคร ผู้จัดการธุรกิจแร่ มารีน สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม ได้แถลงข่าวเปิดตัวบริการใหม่เพื่อคุณภาพชีวิตของเหล่ามนุษย์ตึกทั้งหลาย โดยเป็นบริการเจ้าแรกของประเทศไทยในการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคาร หวั่นปัจจุบันคุณภาพสุขภาพเสื่อมโทรมลงเพราะต้องทำงานและอาศัยอยู่ในตึกเป็นเวลานานๆ อากาศไม่ถ่ายเท เกิดความหมักหมม พร้อมผงาดความเป็นผู้นำ ด้วยวิสัยทัศน์การให้บริการ และความพร้อมด้านเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาการการบริการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคาร หวังช่วยลดอัตราการป่วยของพนักงานจากโรค “Sick Building Syndrome” หรืออีกโรคที่เรียกว่า “Building Related Illness” (BRI) อันเป็นอีกสาเหตุของโรคติดเชื้อภายในปอด ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยอมรับเป็นห่วงสุขภาพพนักงานเพราะอากาศพิษเป็นภัยใกล้ตัว ขานรับบริการการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารจากเอสจีเอส เผยปลอดภัยเพราะอาคารผ่านการตรวจสอบแล้ว
เอสจีเอสชูบริการเพื่อคุณภาพชีวิต
นายจิโรจ ณ นคร ผู้จัดการธุรกิจแร่ มารีน สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ทางบริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด มีความห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อส่วนรวม จึงได้มีการพัฒนาการตรวจสอบและบริการด้านการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารเพราะโรค Sick Building Syndrome หรืออีกโรคที่เรียกว่า Building Related Illness (BRI) นี้สาเหตุส่วนใหญ่มาจากมลพิษทางอากาศภายในตัวอาคาร ซึ่งจะบั่นทอนสุขภาพทีละเล็กทีละน้อยจนสามารถลดประสิทธิภาพการทำงานลงซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญถึงขนาดที่สำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของอเมริกา (U.S. EPA) จัดลำดับให้ประเด็นมลพิษภายในอาคารเป็น 1 ใน 5 ของปัญหาใหญ่ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเลยทีเดียว ซึ่งเอสจีเอสได้เล็งเห็นความสำคัญและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จึงได้นำเทคโนโลยีทางด้านการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารเข้ามาพัฒนาเพื่อากรให้การบริการที่เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมการทำงานของอาคารในประเทศไทย ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญมาก คือ อากาศและสภาวะแวดล้อมที่ดีจะส่งผลในทางบวกต่อการทำงานและคุณภาพชีวิตซึ่งจะก่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ผู้บริหารขานรับวิสัยทัศน์ห่วงใยคุณภาพอากาศภายในอาคาร
บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทที่ได้รับความเชื่อถือในด้านคุณภาพการตรวจสอบ ทดสอบและการรับรองระบบแก่บริษัทอื่นๆ อีกหลายบริษัท ทั้งนี้มีผู้บริหารที่ขานรับวิสัยทัศน์ห่วงใยสุขภาพพนักงานซึ่งได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท บีเอเอสเอฟ (ไทย) จำกัด บริษัทยูไนเต็ด บอรดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) จำกัด และ บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) สำนักงานส่วนภูมิภาคขององค์กรพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) บริษัทวินซิลด์ จำกัด และ บริษัทเจ เพรส โฮลดิ้ง จำกัด เป็นลูกค้าที่ใช้บริการการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารของเอสจีเอสและเป็นลูกค้าเจ็ดรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบรับรองการันตีความสะอาดปราศจากโรคมนุษย์ตึก Sick Building Syndrome.
ดร. สร้อยสุดา เกษรทอง นักวิชาการสำนักงานโรคจาการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธรณะสุข ตัวแทนภาครัฐบาลให้การยืนยันว่าจะร่วมมือกับเอสจีเอสและภาคเอกชนในการรณรงค์และให้ความรู้ในการป้องกันโรคที่เกิดจากคุณภาพอากาศภายในอาคารเพราะถือเป็นภัยใกล้ตัว ดร. สร้อยสุดากล่าวว่า “ คนไทยยังไม่รู้จักโรค Sick Building Syndrome กันมากนักเพราะเคยชินกับการอยู่ที่บ้านที่มีใต้ถุนสูงอากาศโล่งสบาย แต่ปัจจุบันสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปคนไทยหันมาอาศัยในตึกหรืออาคารกันมากขึ้นทำให้เกิดโรคที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในอาคารซึ่งโรคดังกล่าวนี้มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศภายในอาคารเอง ความชื้น หรืออุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ที่เราใช้ในชิวิตประจำวันที่อาจเป็นพาหะนำโรคได้ เพราะฉะนั้นการที่เอสจีเอสหันมาให้การตรวจสอบสภาพอากาศภายในอาคารเจ้าแรกถือเป็นการนิมิตหมายที่ดี เพราะจะสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งของพนักงานเอง ผู้มาเยือน และผู้บริหารเองด้วย”
การตรวจวัดคุณภาพอากาศในตึกนั้นมีขั้นตอนอย่างไร
ในปัจจุบันการให้บริการการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารใช้เวลาในการทำงานครั้งละ 5 วัน และต้องมีการตรวจวัดทุกๆ 6 เดือน หรือประมาณปีละ 2 ครั้ง เพื่อความปลอดภัยโดยจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Q-Tac ที่ใช้ในการวัดอุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ และ คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ และเครื่อง Velocity ที่ใช้ในการวัดความเร็วลม พร้อมกันนี้ยังมีการตรวจ Asbestos คือการตรวจแร่ใยหินที่อยู่ตามหลังคาและฝ้าเพดานซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง หรือแม้แต่มะเร็งปอด “เอสจีเอสมั่นใจว่า ในปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งรายใดที่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมเท่าเอสจีเอส เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะคำนึงถึงความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการเป็นสำคัญ นอกจากนี้อาคารที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคารจะได้ใบรับรองจากเอสจีเอสซึ่งถือเป็นที่ยอมรับในระดับสากล” นายจิโรจ กล่าว
ทั้งนี้เอสจีเอสมีเป้าหมายที่จะขยายการบริการมากขึ้นโดยมุ่งมั่นที่จะขยายการตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคารไปยัง โรงภาพยนต์ ศูนย์การค้า สนามบิน อาคารต่างๆ รวมถึงกลุ่มโรงแรม เพราะถือเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ซึ่งอาจเป็นแหล่งที่มาของโรคที่เรียกว่า Sick Building Syndrome หรือ เรียกอีกอย่างว่าโรค Building Related Illness (BRI) ซึ่งโรคดังกล่าวจะมีอาการ เวียนศรีษะ เคืองตา คัดจมูก ไอ จาม ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ เกิดผดผื่นคัน และสามารถลามไปเป็นอาการติดเชื้อภายในปอดที่มีลักษณะคล้ายปอดอักเสบหรือที่เรียกว่าลีเจียนแนร์ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีการตื่นตัวทางด้านนี้ ทั้งที่โรคนี้ถือเป็นภัยใกล้ตัวที่วินิจฉัยได้ง่ายแต่รักษาได้ยาก
“เราพยายามที่จะรณรงค์ในการรักษาสภาวะแวดล้อมทั้งอากาศและมลภาวะ เราอยากให้คนไทยตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เพราะทุกวันนี้เราจะใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงานอยู่ในอาคารหรือตึก ซึ่งถือเป็นภัยเงียบที่เราไม่สามารถมองข้าม เพราะเราไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าในตึกจะมีสภาวะอากาศเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเราต้องมีการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยและช่วยป้องกันก่อนที่ภัยจะมาถึงตัวเรา ” นายจิโรจ กล่าวเสริม
การบริการด้านการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมของเอสจีเอส
แผนกตรวจสอบสิ่งแวดล้อมของเอสจีเอสให้บริการสอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมภายในประเทศ และหน่วยงานราชการต่างๆ ด้วยห้องปฎิบัติการที่ทันสมัย เจ้าหน้าที่ที่มากด้วยประสบการณ์ ครอบคลุมการบริการด้านการตรวจสอบคุณภาพอากาศ ดิน น้ำ และการตรวจวัดปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่นคุณภาพเสียงและอากาศในสถานที่ทำงานเพื่อที่จะรู้ถึงคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวม
เกี่ยวกับเอสจีเอส
กลุ่มบริษัทเอสจีเอส เป็นบริษัทชั้นนำของโลกที่มีนวัตกรรมทันสมัยในการให้บริการด้านการตรวจสอบ การทดสอบ และการรับรองระบบ บริษัทเอสจีเอส ได้ก่อตั้งขึ้นในปี พศ. 2421 และได้รับการยอมรับว่าเป็นบรรทัดฐานระดับสากลในด้านคุณภาพและความซื่อสัตย์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 42,000 คน บริษัทเอสจีเอส ได้ขยายเครือข่ายสำนักงานและห้องปกิบัติการกว่า 1,000 แห่งทั่วโลก--จบ--