ภัยเงียบที่คนเรามักคาดไม่ถึงอีกทั้งยังไม่ค่อยจะรู้ซึ้งถึงอันตรายนักก็เห็นจะเป็น "เบาหวาน" ซึ่งหมายความว่าเป็นโรคที่ น้ำตาลในเลือดมีระดับสูงเกินค่ามาตรฐานตามเกณฑ์ ซึ่งคนป่วยส่วนมากมักไม่รู้ตัว เมื่อไปตรวจแล้วพบว่าน้ำตาลเริ่มสูง ก็อาจ มองว่าเป็นอาการปกติดีไม่มีอะไร ยังไม่ถึงขั้นเป็นเบาหวานจึงไม่ให้ความสำคัญและไม่ใส่ใจดูแล แต่เมื่อใดที่น้ำตาลเริ่มสูงแล้ว มันจะค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยจนถึงอีกระดับหนึ่งก็จะเริ่มมีอาการ และลุกลามบานปลายไปสร้างปัญหาที่จอประสาท ตาบ้าง? หรือไปที่เท้า?ที่ไต?ที่หัวใจ จึงจะเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกว่านั้นมันยังจะไม่ใช่มีแค่เบาหวานอย่างเดียวแล้ว หากแต่ยัง จะพาเพื่อนมาร่วมด้วยอีก ทั้งเรื่อง?ความดัน?ไขมัน?โรคอ้วน รวมเป็น 4 โรคอันตรายซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เส้นเลือดตีบ หรือตัน เป็นปัญหาที่เส้นเลือดในสมอง หรือในหัวใจได้อีก สมกับที่ได้รับฉายาว่าเป็น "ภัยเงียบ" อีกชนิดหนึ่งซึ่งมักไม่มีใครคาด คิด ทั้งยังรู้ไม่เท่าทันอันตรายจากภัยของโรคเบาหวานอีกต่างหาก!!! ?
ข้อแนะนำจาก "องค์การอนามัยโลก" ซึ่งระบุว่าใครที่มีอายุเกิน 35 ปีควรจะตรวจเช็คเบาหวานทุกปีแม้จะไม่มีอาการ เพียงแต่ผู้ที่เป็นเบาหวานส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดคิดว่าไม่มีอาการ เพราะไม่ได้ปัสสาวะบ่อย ไม่ได้มีมดตอมปัสสาวะ จึงต้องบอก ว่านั่นเป็นความเข้าใจผิด เพราะคนส่วนใหญ่ที่เป็นเบาหวานระยะแรก ๆ และระดับน้ำตาลเริ่มสูงมักจะไม่มีอาการผิดปกติ แต่จะ รู้ได้ก็ต่อเมื่อไปเจาะเลือดหรือไปตรวจประจำปี ทั้งนี้หากตรวจพบแต่แรกจะป้องกันได้ก่อน ที่มันจะเป็นมากขึ้นหรือทราบทีหลัง เพราะจริง ๆ แล้วคุณหมอบอกเลยว่าวิธีตรวจก็ง่ายมาก แค่ไปเจาะเลือดตรวจดูว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าคน ปกติหรือไม่ โดยให้งดน้ำงดอาหารมาก่อน 8 ชั่วโมง หรือถ้าลืมงดอาหารมาก็ยังตรวจน้ำตาลแบบสุ่มตรวจก็ได้ โดยแนะนำให้ตรวจค่าน้ำตาล สะสมควบคู่ไปด้วยซึ่งจะได้ประโยชน์กว่า
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานแล้วควรต้องดูแลควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นอันดับแรกโดยอาศัยการออกกำลังกาย ควบคุม อาหารโดยเลือกทานเฉพาะที่มีน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตน้อย ๆ ควบคู่กับการรับคำแนะนำจากแพทย์ พร้อมกับคุมปัจจัย ร่วม ซึ่งอาจก่อให้เกิด ภาวะความดันในเลือดสูง?ไขมันในเลือดสูง? รวมถึง?โรคอ้วน ซึ่งล้วนทำให้เส้นเลือดมีปัญหา และมีโอกาส เป็นเส้นเลือดตีบหรือแตกตามที่ต่างๆได้ง่าย มีผลข้างเคียงตามมาหลายอย่าง
ควรฉีดวัคซีนป้องกันที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวานไม่ว่าจะเป็นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ หรือ ป้องกันปอดบวมเพื่อ ป้องกันการเกิดโรค และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงของโรค และคอยติดตามภาวะแทรกซ้อน จากเบา หวานไว้ด้วย เช่นสังเกตเท้าตอนอาบน้ำว่ามีส่วนใดผิดรูป หรือผิดปกติ มีแผลเรื้อรังหรือไม่ ถ้ามีจะได้รักษาแต่ต้นโดยไม่ปล่อย ให้เรื้อรัง
กรณีที่เบาหวานไปขึ้นตาซึ่งผู้ป่วยไม่ค่อยเอะใจ และคิดว่าแค่ไปซื้อยามาทานเองก็คุมได้แล้วโดยไม่น่ามีปัญหา แต่จริง ๆ แล้วมักไม่มีอาการในระยะแรกแม้ว่าขณะที่น้ำตาลสูงหลอดเลือดที่ตาจะเริ่มผิดปกติซึ่งตรวจได้แต่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการ จะมีก็ ตอนที่หลอดเลือดตีบ-แตก หรือทำให้จอประสาทตาเสื่อมไปแล้ว? ซึ่งหากตรวจพบตั้งแต่ยังเริ่มต้นละก็ ควบคุมดูแลให้ดีจะมี โอกาสป้องกันโรคแทรกซ้อน ทั้งตา ไต หัวใจได้สูงทีเดียว หากยังไม่เป็นเบาหวานก็แนะนำควรตรวจทุกปี แม้จะไม่มีอาการ เพราะโรคแทรกซ้อนทุกอย่างที่ว่านี้ป้องกันได้ถ้าปรึกษาหารือกับคุณหมออย่างใกล้ชิด
เวชศาสตร์ฟื้นฟูสำคัญอย่างไร ?
หลังจากเป็นโรคเบาหวานแล้ว หากปล่อยให้ลุกลามหรือเป็นเบาหวานระยะเวลานาน อาจมีอาการปลายมือปลาย เท้าชา หรือ ถ้าเป็นแผลที่เท้าก็จะหายยากแถมยังมีสิทธิ์สูญเสียนิ้วเท้า หรือขาก็เป็นได้ "ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาล สุขุมวิท"จึงพร้อมรองรับด้วยการแพทย์หลายประเภทที่เปี่ยมด้วยศักยภาพและถึงพร้อมด้วยเทคโนโลยีก้าวหน้าซึ่งรวมถึงการจัดทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านนี้มาร่วมดูแลแบบ "องค์รวม" ร่วมประสานการทำงานกับคุณหมอผู้ชำนาญการ ด้านโรคเบาหวาน เพื่อให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับคืนสู่การใช้ชีวิตที่เป็นปกติสุขได้สะดวกยิ่งขึ้น
โดยจะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยว่าแต่ละรายควรได้รับการบำบัดฟื้นฟูในแบบใด โดยจะเน้นถึงการดูแลตัวเอง แต่เนิ่น ๆ พร้อมกับเรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน เช่นเส้นประสาทที่ต้องให้ทำงานเป็นปกติ รวมทั้ง ยังต้องพบคุณหมอและนักกายภาพเพื่อประเมินลักษณะเท้าของตัวเองในกรณีที่อาจมีรูปเท้าผิดปกติหลายรูปแบบ อีกทั้งผู้ป่วย เบาหวานบางราย ถึงแม้เท้ายังไม่เกิดแผล แต่อาจมีอาการเท้าชา โดยไม่รู้ตัว หากปล่อยไว้ อาจส่งผลให้เกิดบาดแผลที่เท้า ซึ่งควรได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเท้าอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดแผล ตลอดทั้งรายละเอียดปลีกย่อยอื่นอีกไม่น้อยแต่ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิบัติหลังจากคุณหมอวินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคเบาหวาน?
ขณะเดียวกัน ยังมีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่นำมาช่วยให้การฟื้นฟูดูแลผู้ป่วยเป็น ไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีผลต่อ การเสริมสร้างกำลังใจและความมั่นใจแก่ผู้ป่วยที่เจอฤทธิ์ของโรคเบาหวาน อย่างหนึ่งคือ "การบำบัดด้วยออกซิเจนความ กด บรรยากาศสูง หรือ 'Hyperbaric Oxygen Therapy?? ชื่อย่อว่า 'HBOT? สำหรับช่วยให้เส้นประสาทของผู้ป่วยเบาหวาน ได้รับ การซ่อมแซมเป็นผลให้แผลหายเร็วขึ้น และนอกจากนี้ยังมีการใช้นวัตกรรมการแพทย์เช่น "เครื่องเลเซอร์พลังงานสูง" กับ 'TMS? ซึ่งใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามากระตุ้นเส้นประสาทที่อักเสบเสียหายจากโรคเบาหวานให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ในเวลารวดเร็วซึ่งจุดมุ่งหมายในการฟื้นฟูผู้ป่วยแต่ละรายจะแตกต่างกันไปจึงจำเป็นที่ต้องพิจารณาและวินิจฉัยแยกแยะไปตามแต่กรณี