บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี หรือ AGE เผยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2563 กวาดยอดขายแตะกว่า 3 ล้านตัน ส่งผลรายได้รวมอยู่ที่ 5,487.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% กำไรสุทธิ 143.3 ล้านบาท ด้านประธานกรรมการบริหาร "พนม ควรสถาพร" ระบุความต้องการใช้ถ่านหินในช่วงปลายปีนี้ ส่อแววกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากการกลับมาดำเนินการธุรกิจปกติของกลุ่มลูกค้า หลังชัดดาวน์ช่วงโควิด-19 พร้อมสั่งลุยทำตลาดทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ และธุรกิจโลจิสติกส์ พร้อมวางแผนขยายท่าเรือที่ 4 เพิ่ม มั่นใจยอดขายถ่านหินทั้งปีนี้เกิน 3.5 ล้านตัน
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 5,487.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 5,239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิ อยู่ที่ 143.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 39.6%
ส่วนไตรมาส 3/2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 2,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 2,019.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิ อยู่ที่ 91.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.5%
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น โดยมียอดขายถ่านหินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จำนวน 1.17 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 71.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ ณ ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินรวมทั้งสิ้นที่ระดับ 2.98 ล้านตัน
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 นั้น ประธานกรรมการบริหาร AGE กล่าวเพิ่มว่า ความต้องการใช้ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรมในประเทศ เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจากไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมาอย่างชัดเจน เนื่องจากการกลับมาดำเนินธุรกิจอย่างปกติ
และบริษัทฯ มีบริการโลจิสติกส์ ที่ครบวงจร ทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อลูกค้ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งถ่านหินยังคงเป็นเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำ เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหินมากที่สุดคือ กลุ่มผู้ประกอบการผลิตปูนซีเมนต์ โรงไฟฟ้า กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
ดังนั้นบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลงทุนธุรกิจถ่านหิน โดยการมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้วางกลยุทธ์บุกตลาดกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมียอดคำสั่งซื้อถ่านหินในมือ (Back log) จำนวน 1 ล้านตัน ซึ่งจะทยอยส่งมอบจนถึง ปี 2564 ส่งผลให้ทั้งปี 2563 บริษัทฯคาดว่าปริมาณยอดขายถ่านหิน จะสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ระดับ 3.5 ล้านตัน
นอกจากนี้ บริษัทฯยังเดินหน้าขยายธุรกิจโลจิสติกส์ต่อเนื่อง โดยมีแผนการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายท่าเรือที่ 4 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปี 2564 ถือเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของบริษัทฯที่มีการให้บริการโลจิสติกส์ที่ครบวงจร
ส่วนการลงทุนธุรกิจพลังงานผ่านบริษัทร่วมทุน ภายใต้บริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัดนั้น บริษัทฯ จะทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจดังกล่าว ตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2563 จากโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ ขนาด 5 เมกะวัตต์ และในปี 2564 จากโครงการการขายไอน้ำ ให้กับลูกค้าขนาดเตา Boiler 16 ตัน นอกจากนี้ ยังคงอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในโครงการขายไอน้ำ และโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมหลายโครงการ ซึ่งคาดว่าจะลงทุนในปี 2564 และมีสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่งมีกำไรสะสมสูงถึง 700 ล้านบาท