บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI เดินหน้าทำตลาดโค้งสุดท้าย เปิดตัวสินค้าใหม่ 4-5 รายการ เจาะกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป เชื่อทั้งปีรายได้เติบโต 5-10% หรือประมาณ 400-450 ล้านบาท
นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI ผู้นำธุรกิจออกแบบผลิต และจัดจำหน่าย อุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง เปิดเผยว่า แม้ในปีนี้ภาพรวมเศรษกิจไทยจะอยู่ในสภาวะชะลอตัวจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (COVID -19) ทำให้ผลประกอบการของหลายธุรกิจหลายภาคส่วนในช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบไปตามๆกัน แต่ในส่วนของบริษัทกลับมียอดขายและกำไรพลิกฟื้นเติบโตขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮ ซีซั่นของธุรกิจส่องสว่าง จึงสามารถจำหน่ายสินค้าได้ตามเป้าที่วางไว้ ขณะที่อีกส่วนจะมาจากยอดขายของสินค้าใหม่ที่บริษัทได้วางแผนส่งเสริมการขายตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี
ด้านภาพรวมตลาดส่องสว่างในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังคงหดตัวต่อเนื่องจากกลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ อย่าง กลุ่มคอนโดมิเนียม และอาคารที่พักอาศัย มียอดขายที่ลดลง แต่ในส่วนบริษัทซึ่งจับตลาดกลุ่มทดแทน (ตลาดรีเพลสเมนท์) เชื่อว่าจะยังรักษาระดับการขายได้ดีและเติบโตขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่กลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่างต่อเนื่องประมาณ 8-9 รายการ เน้นประหยัดพลังงาน อย่าง กลุ่มโซล่าเซลล์ แอลอีดี รวมถึงการเพิ่มกลุ่มหลอดไฟและโคมไฟเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทั่วไปในตลาดมากขึ้น
ล่าสุดได้เปิดตัวสินค้าใหม่ไปแล้วจำนวนมี 4 รายการ คือ หลอดไฟฆ่าเชื้อโรค, โคมไฟฆ่าเชื้อโรค, โคมไฟสปอร์ตไลท์ และไฟติดถนน ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวไปแล้วพบว่าลูกค้าตอบรับค่อนข้างดีเหนือคู่แข่งในตลาด โดยเฉพาะหลอดไฟฆ่าเชื้อโรคและโคมไฟฆ่าเชื้อโรค เนื่องจากบริษัทถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่มีมาตรฐานมอก. 1955-2551 ขณะที่ราคาก็สามารถแข่งขันในตลาดได้ ส่วนที่เหลืออีก 4-5 รายการจะทยอยเปิดตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี
สำหรับเป้าหมายทั้งปีหลังจากที่เดินหน้าทำตลาดเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้รวมเติบโตจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5-10% หรือประมาณ 400-450 ล้านบาท ส่วนการลงทุนใหม่อย่างการก่อสร้างและปรับปรุงโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 0.99 เมกะวัตต์ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร บริษัท คาดว่าจะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้บริษัทให้เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต รวมถึงสร้างผลกำไรและผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวด้วย