'บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN' โชว์ศักยภาพความแข็งแกร่ง ย้ายเข้าเทรดในกระดาน SET วันที่ 12 พ.ย.นี้ เป็นวันแรก เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันของไทยและต่างประเทศเข้ามาลงทุนเพิ่มสภาพคล่อง รับแผนซินเนอร์จี้นำความเชี่ยวชาญด้านการตลาดมาสร้างมูลค่าเพิ่มต่อยอดขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค หวังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เป็นวันแรก จากเดิมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ JKN ในระยะยาวและรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่บริษัทฯ เข้าเป็นสมาชิกในตลาดทุนจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ส่งเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งทางด้านฐานะทางการเงิน รองรับการรุกขยายธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียนก่อนขยายไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก จากจุดแข็งการเป็นเจ้าของลิขสิทธ์คอนเทนต์ในรูปแบบ Output Deal จากเจ้าของสิทธิ์ ช่วยสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ภายใต้กลยุทธ์ ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง ที่สร้างกระแสซีรีส์อินเดียให้เป็นที่ยอมรับในประเทศไทย และในกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงการเป็นตัวแทนทำตลาดและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไทยจากช่อง 3 ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญของ JKN เพื่อส่งออกคอนเทนต์ละครไทยไปสู่ตลาดอาเซียนและสร้างการยอมรับจากผู้ชมในภูมิภาคนี้
ความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา (2560-2562) ผลการดำเนินงานของ JKN เติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งในมุมของรายได้และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้รวม 1,156 ล้านบาทในปี 2560 เพิ่มเป็น 1,422 ล้านบาทในปี 2561 และเพิ่มเป็น 1,710 ล้านบาทในปี 2562 ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน จากปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มเป็น 227.7 ล้านบาทในปี 2561 และ 252.88 ล้านบาทในปี 2562 ตามลำดับ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN กล่าวว่า หลังจากย้ายเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) บริษัทฯ มีแผนผนึกกำลัง (Synergy) นำแพลตฟอร์มออนไลน์ในกลุ่ม JKN และความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียน มาสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจจากการสื่อสารการตลาดและสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้แก่กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพียงอย่างเดียว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการนำ JKN ก้าวไปสู่การเติบโตได้อย่างยั่งยืนและส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว