บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น(SSP) โชว์กำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 3/63 เพิ่มขึ้น 32.4% จากงวดเดียวกันปีก่อนแตะ 205.2 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 58.0% แตะ 227.5 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในโครงการ Yamaga ขนาด 30 MW หลัง COD ได้ก่อนกำหนด ฟาก " วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ " ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 142 MW ดันผลงานปีนี้ทุบสถิตินิวไฮ พร้อมเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ หนุนอนาคตสดใส
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/2563 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 572.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.7% จากงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 205.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.4% ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 227.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 58.0% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 144.0 ล้านบาท
สำหรับงวด 9 เดือนปี 2563 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,470.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 1,115.5 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 594.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 38.8% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 428.5 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯรับรู้รายได้จากโครงการเดิม และโครงการใหม่ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ในส่วนโครงการ Yamaga ขนาด 30 เมกะวัตต์ หลังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) ได้ก่อนกำหนด ซึ่งไตรมาส 3/2563 รับรู้ได้เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก
"ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรับรู้รายได้อย่างเต็มที่จากโครงการใหม่ๆที่เข้าไปลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทฯมีการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มประเทศเวียดนาม และมองโกเลีย รวม 55 เมกะวัตต์ ตลอดจนโรงไฟฟ้าซึ่งเปิดดำเนินการระหว่างปี 2561 ทั้งในไทยและญี่ปุ่นรับรู้รายได้เต็มปี ส่งผลให้ในปัจจุบัน SSP มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาในมือรวม 142 เมกะวัตต์" นายวรุตม์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่า ยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากปีนี้มีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโครงการ Yamaga อย่างไรก็ตามในปีหน้าจะมีการรับรู้รายได้ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 1 ขนาด 20 MW จะเริ่ม COD ในไตรมาส 3 ปี 2564 และ โครงการพลังงานลมขนาด 48 MW ในเวียดนาม จะเริ่ม COD ในไตรมาส 4 ปีเดียวกัน ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 2 ขนาด 17 MW ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการและคาดว่าจะ COD ได้ในปี 2566 บริษัทฯยังคงเดินหน้ามองหาโครงการใหม่ มาเติมในพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับการผลักดันรายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดมาตลอด
ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักต้องการมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าระดับ 400 เมกะวัตต์ ภายใน 3-5 ปี ข้างหน้า