LEO โตแกร่ง! Q3 กำไรเพิ่ม 284% yoy เมื่อเทียบกับปี 62 อานิสงส์นำเข้าและส่งออกฟื้นตัว จับตาดีล M&A ดันผลงานโตก้าวกระโดด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 13, 2020 14:14 —ThaiPR.net

LEO ผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร ทั้งทางบก-ทะเล-อากาศ โชว์งบไตรมาส 3/63 โตสวนกระแสโควิดกำไรสุทธิ 15.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 284% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน บิ๊กบอส "เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์" มั่นใจโค้งหลังโตแกร่ง หลังการนำเข้า-ส่งออก เริ่มฟื้น แถมยังได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจ E-Commerce อัดโปรแรงกระตุ้นยอดขายปลายปี กระตุ้นยอดขาย จับตาดีล M&A ดันผลงานปี 64-66 โตก้าวกระโดด ฟาก บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดปีนี้ LEO กำไรเน้นๆ 58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 27% ก่อนขยับเป็น 70 ล้านบาท และ 80 ล้านบาท ในปี 64-65

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ รองประธานคณะกรรมการ ประธานคณะผู้บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 789.6 ล้านบาท ลดลง 5.6 ล้านบาท หรือ 0.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งถือว่าได้รับผลกระทบที่น้อยมากจากวิกฤต COVID-19 มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 795.2 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 43.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาท หรือ 10.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 39.3 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่ไตรมาส 3/63 มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 252.3 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นเติบโต 23.58% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและ มีกำไรสุทธิ 15.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2 ล้านบาท หรือเติบโต 284% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.9 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/63 บริษัทฯยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับสูงถึง 34.9% และกำไรสุทธิ 6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.7%

"กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้ง ๆ ที่ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกชะลอตัว จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถการบริหารจัดการต้นทุนและกำไรขั้นต้นของเราได้เป็นอย่างดี เพราะหลักการทำงานของเราไม่ได้เน้นเฉพาะเรื่องของรายได้ แต่เราเน้นการสร้างผลกำไร เราพยายามอยู่ในตลาด Blue Ocean ไม่ลงไปแข่งขันเรื่องราคา เราเน้นการสร้างความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ อีกทั้งการที่เราให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งทางบก ทะเล และอากาศ และมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยงธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการแสวงหารายได้ สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ได้เป็นอย่างดี"

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้ผู้ประกอบนำเข้าและส่งออกเริ่มกลับมาใช้บริการขนส่งสินค้ามากขึ้น อีกทั้ง ยังได้รับแรงหนุนจากธุรกิจ E-Commerce ที่เติบโตมากขึ้น ในยุค New Normal รวมไปถึงการจัดโปรโมชั่นของผู้ประกอบการ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี โดยเฉพาะโปรโมชั่น 11.11 และ 12.12 รวมไปถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ทำให้ความต้องการส่งสินค้ามากขึ้น ผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ มีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯเตรียมเข้าซื้อกิจการ 2-3 บริษัท ทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN) คาดว่าบริษัทในประเทศ 1 แห่ง ที่เกี่ยวกับธุรกิจขนส่งทางอากาศ และ 2 บริษัท อยู่ใน ASEAN เป้าหมายเป็นบริษัทที่มีรายได้ประมาณ 100-200 ล้านบาท/ปี และมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง คาดว่าปลายปี 2564 จะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ราย

ขณะที่รายได้จากธุรกิจ Self Storage ซึ่งเป็นดาวรุ่งตัวใหม่ของบริษัทฯ ก็มาตามนัดตามแผนธุรกิจ รายได้ 9 เดือน เติบโต 29% และสร้างผลกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Self Storage ถึง 61% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายการลงทุนธุรกิจ Leo Self Storage & E-Fulfillment Center เพิ่ม ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพียง 1% ด้านอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยระดับ 30-40% โดยคาดหวังอัตราการเติบโตของธุรกิจดังกล่าว 200% หลังจากมีพื้นที่บริการเก็บของแห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมากกว่า 2,000 ตารางเมตร แผนการลงทุนทั้งหมดคาดว่าจะช่วยเสริมการเติบโตของการดำเนินธุรกิจในปี 2565-2566 เติบโต 30-40% จากปี 2563

ขณะที่บริษัท บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ ประเมินว่า LEO ได้รับผลประโยชน์จากค่าบริการการขนส่งทางอากาศที่สูงขึ้น และปริมาณการขนส่งทางทะเลได้รับการชดเชยจากงานขนส่งทางอากาศที่เปลี่ยนมาใช้การขนส่งทางทะเลเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง LEO มีความสามารถในการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีจึงทำให้กำไรสุทธิยังเติบโต และคาดว่าในปี 2563 ทาง LEO จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58 ล้านบาท หรือ เติบโตขึ้น 27% จากปีก่อน และคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2021F-2020F จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 70 ล้านและ 80 ล้านบาท หรือมีการเติบโตเท่ากับ 20% และ 15% ตามลำดับ โดยประเมินมูลค่าพื้นฐาน LEO ที่ 4.36 บาท ด้วยวิธี P/E multiple ที่ 20 เท่า (อิงจากค่า P/E เฉลี่ยของหุ้นโลจิสติกส์ใน SET และ mai)

นอกจากนี้บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น LEO สำหรับปี 2564 ไว้เท่ากับ 4.50 บาทนอกจากนี้ ยังคาดว่าผลการดำเนินงานของ LEO ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรครอบคลุมทั่วโลกจะมีรายได้ที่ระดับ 1,077 และ 1,174 ล้านบาท ในปี 2563 และ 2564 ( 3.1% และ 9.1% YoY ตามลำดับ) และคาดการณ์กำไรปี 2563 และ 2564 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และบริษัท ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ของ LEO ที่ 4.45 บาท/หุ้น โดยระบุว่าหลังจากบริษัทเพิ่มทุนในครั้งนี้ เชื่อว่าบริษัทจะมีเงินทุนเพื่อลงทุนต่อยอดธุรกิจใอนาคต ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 4.44 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ