TNR สวนกระแส ทำกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก 68 ล้านบาท เติบโต 70% คาดทำผลงานไตรมาส 4 สูงสุดนับจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 16, 2020 13:51 —ThaiPR.net

บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR โชว์ศักยภาพธุรกิจถุงยางอนามัยเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปีนี้ 68 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 70% จากปริมาณการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาขายสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม ทั้งการรับจ้างผลิต งานประมูล และสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ คาดไตรมาสสุดท้ายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ลุ้นทำผลงานไตรมาส 4 สูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้เติบโตอย่างโดดเด่นท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว โดยมีกำไรสุทธิ 68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 40 ล้านบาท

สำหรับการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกที่โดดเด่น เกิดจากปริมาณการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารับจ้างผลิต (OEM) และ แบรนด์ PLAYBOY ที่สามารถขยายตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบันได้นำถุงยางอนามัยวางจำหน่ายในห้างวอลล์มาร์ทเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 4,000 สาขา แบ่งเป็น 9 รุ่นที่จำหน่ายภายในห้างและอีก 3 รุ่นจำหน่ายทางเว็บไซต์ของวอลล์มาร์ท ส่วนราคาขายปรับตัวดีขึ้นทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้า OEM งานประมูล และแบรนด์ PLAYBOY รวมถึงบริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีกำไรพิเศษจากการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 5 ล้านบาท

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมส่งมอบสินค้าแก่กลุ่มลูกค้า OEM และส่งมอบถุงยางอนามัยแบรนด์ PLAYBOY ล็อตใหม่ให้แก่ห้างวอลล์มาร์ท ดังนั้นภาพรวมการดำเนินงานปี 2563 น่าจะเป็นปีที่มีการเติบโต อย่างโดดเด่นและมีโอกาสทำสถิติสูงสุดสำหรับไตรมาส 4 นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2559 แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจ ทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบ COVID-19

"ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกที่เติบโตได้ดี สะท้อนว่าธุรกิจถุงยางอนามัยของบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยเรามี การวางกลยุทธ์มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้จากแบรนด์สินค้าของบริษัทฯ ทั้ง PLAYBOY และ ONETOUCHTM โดยเฉพาะ PLAYBOY ที่สามารถขยายตลาดในอเมริกาและแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในยุโรปเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการปรับแผนการจำหน่ายในประเทศจีนเพื่อเพิ่มยอดขาย" นายอมร กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ