'ทีวี ไดเร็ค' หรือ TVD ทำผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 38.39 ล้านบาท เติบโต 93.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร ควบคุมค่าใช้จ่าย ปรับโครงสร้างภายในองค์กร พร้อมได้รับไฟเขียวจากบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ ในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น วางแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้าย
นายธนะบุล มัทธุรนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางทีวีและออนไลน์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวมงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2563) สามารถสร้างผลกำไรที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 38.39 ล้านบาท เติบโต 93.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.86 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 2,905.19 ล้านบาท ใกล้เคียงช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,236.48 ล้านบาท
ปัจจัยมาจากการวางนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพทำกำไรและควบคุมค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งปรับสัดส่วนรายได้จาก
แต่ละช่องทางการขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค โดยมุ่งเน้น 3 ช่องทางหลักคือทีวีโฮมช้อปปิ้ง ออนไลน์และคอลล์เซ็นเตอร์ นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากการควบรวมกิจการของ บมจ.ทีวี ไดเร็คกับบริษัท ทีวีดีช้อปปิ้ง จำกัด
"แม้ภาพรวมเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาอยู่ในภาวะถดถอยจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ไม่ได้หยุดนิ่งมีการปรับกลยุทธ์ด้านต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย จึงทำให้ผลดำเนินงานที่ผ่านมายังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ" นายธนะบุล กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 ธันวาคมนี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินธุรกิจช่วงไตรมาสสุดท้าย วางแผนผลักดันยอดขายและสร้างผลกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการขยายไลน์สินค้าและเปิดเจรจากับซัพพลายเออร์รายใหม่ รวมถึงวางแผนจัดกิจกรรมการตลาดที่เป็นบิ๊กแคมเปญและโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ คาดว่าบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในช่วง 1-2 เดือนสุดท้ายจะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นที่จะมีการเลือกซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับรัฐบาลได้ออกมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" ถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคของประชาชน