มูลนิธิไทยคม ร่วมกับ ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน "แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาตครั้งที่6 เฉลิมพระเกียรติ" ขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2563 ณ มหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา จังหวัดนครปฐม
โดยมี "ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา" คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานการจัดงาน ร่วมด้วย "รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช, "รศ.นพ.ยงชัย นิละนนท์" ประธานศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช , "ดร.ณรงค์ เทียมเมฆ" ประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหารในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จอมบึง, "บรรณพจน์ ดามาพงศ์"ประธานกรรมการมูลนิธิไทยคม และ "ทรงศักดิ์ เปรมสุข" กรรมการมูลนิธิไทยคม ร่วมงาน
การจัดงานในครั้งนี้เป็นการรวมพลังขององค์กรภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นดั่งแสงนำใจของประชาชนไทยและทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการรักษาสุขภาพและการออกกำลังกาย
สำหรับการจัดงาน เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ มูลนิธิไทยคม เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำคัญของการออกกำลังกายในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งจากรายงานการศึกษาโรคและการบาดเจ็บของประชากรไทยพบว่า มีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดและหัวใจทั่วโลกประมาณ 16.7 ล้านคนต่อปี ในจำนวนนี้เกิดจากโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 5.5 ล้านคน โดยกว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยโรคนี้เกิดในประเทศกำลังพัฒนา ในประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 1,880 คน ต่อประชากรจำนวนหนึ่งแสนคน หรือร้อยละ 2 ซึ่งถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งในเพศหญิงและอันดับสามในเพศชาย รองจากอุบัติเหตุและโรคมะเร็ง นอกจากนั้น โรคนี้ยังมีอัตราความพิการสูง การศึกษาในประเทศไทยพบว่าในผู้ป่วย 100 คน ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจะเสียชีวิตร้อยละ 5 และพิการร้อยละ 70 ซึ่งนอกจากความพิการทางกายแล้ว ยังมีผลทำให้ความจำเสื่อมในภายหลังอีกด้วย ถ้าประชาชนขาดความรู้ด้านการป้องกันหรือรักษาอย่างถูกวิธี โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ร้อยละ 90 ถ้าสามารถปรับพฤติกรรมเลี่ยงความเสี่ยง และออกกำลังกายเป็นประจำ
แต่เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลให้วิถีการดำเนินชีวิตประจำวันของเราเปลี่ยนไป เกิดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (SOCIAL-DISTANCING) การจัดกิจกรรมครั้งนี้ จึงเป็นการจัดกิจกรรมในรูปแบบ NEW NORMAL โดยมีการคัดกรอง วัดอุณหภูมิ ใช้เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ การเว้นระยะวิ่ง รวมถึงการลดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 1,200 คน ซึ่งถือว่าการจัดงานในปีนี้ประสบความสำเร็จด้วยดีเกินกว่าที่คาดไว้