ทรัสต์ 'เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท' หรือ 'AIMIRT' เผยดำเนินการเข้าลงทุนในโครงการชีวาทัย อมตะซิตี้ เรียบร้อยแล้ว ผลประกอบการไตรมาส 3/2563 ฟอร์มดีต่อเนื่อง กวาดรายได้ 147 ล้านบาท เพิ่ม 44% จากปีก่อนหน้า กำไรสุทธิแข็งแกร่ง จ่ายปันผลรายไตรมาสสูงทุบสถิติต้อนรับปีใหม่
นางสาวญาณิชศา ชาติวุฒิกอบกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ 'AIMIRT' เปิดเผยว่า "ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 งวด 3 เดือนของทรัสต์ 'AIMIRT' อยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก ทำรายได้รวมอยู่ที่ 147 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 44% จากปีที่แล้ว เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มครั้งที่ 1 เต็มรอบ และมีการรับรู้รายได้เพิ่มจากโครงการชีวาทัย อมตะซิตี้ที่เพิ่งเข้าลงทุนเสร็จสิ้นเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาด้วย มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ (กำไรจากการดำเนินงาน) อยู่ที่ 97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรเพิ่มเติมจากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินประจำปีต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 115 ล้านบาท โดยพิจารณาจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสในอัตรา 0.215 บาทต่อหน่วยให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ถือว่าเป็นการทำสถิติการจ่ายปันผลรายไตรมาสที่สูงที่สุดอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
การที่ทรัสต์ 'AIMIRT' มีโรงงานให้เช่าเพิ่มเข้ามาในพอร์ตจากการลงทุนเพิ่มเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมของกองทรัสต์มีความแข็งแกร่งขึ้น ทั้งในด้านขนาดพอร์ตของทรัพย์สินที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงการกระจายตัวและความหลากหลายของประเภททรัพย์สินที่มากขึ้นจากเดิมที่มีเพียงห้องเย็น คลังสินค้า และถังเก็บสารเคมีเหลว ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มผู้เช่าทรัพย์สินและอุตสาหกรรมปลายทางที่เกี่ยวข้องก็มีความหลากหลายมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้เชื่อมั่นว่าผลประกอบการของทรัสต์ 'AIMIRT' ในปีหน้า 2564 น่าจะสามารถเติบโตขึ้นอีกอย่างมั่นคง"
นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า "ทรัสต์ 'AIMIRT' ได้ดำเนินการเข้าลงทุนในโครงการชีวาทัย อมตะซิตี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา และในขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าลงทุนในโครงการเจดับเบิ้ลยูดี นวนคร โดยบริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพของทรัพย์สินใหม่ทั้ง 2 ที่ อย่างที่โครงการชีวาทัย อมตะซิตี้ ทรัพย์สินเป็นโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำ ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ด้วยข้อดีหลายด้านเมื่อเทียบกับการก่อสร้างโรงงานใช้เอง อีกทั้งการอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตรายใหญ่กับซัพพลายเออร์ ยังก่อให้เกิดอรรถประโยชน์ทางด้านเวลา ช่วยประหยัดค่าขนส่ง รับภาวะการเปลี่ยนแปลงทางการตลาดได้เป็นอย่างดี เราเชื่อมั่นว่า ด้วยการลงทุนที่เหมาะสมและรอบคอบ การยึดมั่นที่ผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วย รวมถึงการให้ความสำคัญในการบริหารคู่ค้า จะทำให้ทรัสต์ 'AIMIRT' เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหน่วยต่อไป"
นายธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า "ในช่วงปีที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบให้กับการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการทั่วโลก แม้ในขณะนี้สัญญาณการฟื้นตัวเริ่มกลับมาในบางประเทศแล้ว แต่ในไทยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเป็นไปได้ช้าและมีความท้าทายอยู่มาก แต่ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ทรัสต์ 'AIMIRT' ยังคงไม่หยุดอยู่กับที่ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหน่วย ทั้งนี้สถานการณ์โควิด-19 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกองทรัสต์ ที่ยังสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่ดีและจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยในปี 2564 เราคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นอีกจากการรับรู้รายได้ในทรัพย์สินใหม่ที่ลงทุน ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการเดินหน้าต่อยอดทางธุรกิจอย่างเต็มที่ต่อไป"
สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมหรือมีความสนใจเกี่ยวกับทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.aimirt.com หรือ Facebook: AIM Group