กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี หรือ KBSPIF ประกาศจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.2450 บาทต่อหน่วย หลังเงินรับตามสัญญาโอนผลประโยชน์จากการเข้าลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลของ KPP ในไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ประมาณ 74.27 ล้านบาท สอดคล้องตามประมาณการที่เสนอขายหน่วยลงทุน จากจุดแข็งกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการผลิตกระแสไฟฟ้าให้คู่สัญญา กฟผ. และ บมจ.น้ำตาลครบุรี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการกองทุน KBSPIF เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการลงทุนของบริษัทจัดการฯ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.2450 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินประมาณ 68.60 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยตามสัดส่วนจำนวนวัน (pro rata basis) อยู่ที่ 9.75% จากราคาหน่วยละ 10 บาท โดยมีกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 21 ธันวาคม 2563 หลังจากกองทุน KBSPIF มีเงินรับตามสัญญาโอนผลประโยชน์จากการลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด หรือ KPP ในช่วงไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ประมาณ 74.27 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินรับตามสัญญาโอนผลประโยชน์ดังกล่าว สอดคล้องตามที่ได้คาดการณ์ไว้ในหนังสือชี้ชวนในช่วงที่มีการเสนอขายหน่วยลงทุน โดยทรัพย์สินที่กองทุน KBSPIF เข้าลงทุนนั้นมีศักยภาพในการดำเนินงานจากการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 22 เมกะวัตต์ และ บมจ.น้ำตาลครบุรี อีก 3.5 เมกะวัตต์ รวม 25.5 เมกะวัตต์ ซึ่งมีโอกาสสร้างกระแสเงินสดได้สูงกว่าข้อตกลงรับประกันผลประกอบกิจการไฟฟ้าขั้นต่ำที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน
"นับตั้งแต่ที่จดทะเบียนจัดตั้งกองทุนถึงสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2563 ผลการดำเนินงานยังคงสอดคล้องตามที่ได้คาดการณ์ไว้ในหนังสือชี้ชวน จากจุดเด่นของทรัพย์สินที่กองฯ เข้าลงทุนที่มีความมั่นคงด้านกระแสเงินสดทำให้กองฯ มีเงินรับตามสัญญาโอนผลประโยชน์จากการลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และสามารถสร้างกำไรสุทธิ ดังนั้น กองฯ จึงเริ่มจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2450 บาทต่อหน่วยให้แก่ผู้ถือหน่วยทุกคน" นางชวินดา กล่าว