สัมผัสขีดสุดแห่งสมรรถนะทั้งบนท้องถนนจรดฟากฟ้า การจับมือกันระหว่างปอร์เช่ และ Embraer (เอ็มบราเออร์)
สตุ๊ทการ์ท/เมลเบิร์น. Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG และ Embraer Group 2 พันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมสร้างปรากฎการณ์เหนือระดับ ต้อนรับช่วงเวลาแห่งความสุขปลายปี 2020 ลูกค้าผู้ตัดสินใจเป็นเจ้าของเครื่องบิน ส่วนตัว Embraer Phenom 300E business jets รุ่น limited-edition ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง 10 ลำ จะได้รับเอกสิทธิ์ในการสั่งซื้อยนตรกรรมสปอร์ต ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส (Porsche 911 Turbo S) รุ่นพิเศษที่ได้รับการตกแต่งไปในทิศทาง เดียวกับอากาศยานสุดหรูเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวดังกล่าว ซึ่งถือกำเนิดขึ้น จากการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่าง 2 แบรนด์พรีเมียมทีมงานผู้มีส่วนในโครงการประกอบ ด้วยบุคลากรจาก Embraer design studio ทั้งใน เมลเบิร์น, ฟลอริดา สมทบด้วยสมาชิกจาก Porsche design department "Style Porsche" Weissach/ประเทศเยอรมนี แผนกตกแต่งพิเศษ Porsche Exclusive Manufaktur สตุ๊ทการ์ท/ประเทศเยอรมนี และ Studio F.A. Porsche จาก Zell am See/ประเทศออสเตรีย
ทั้ง 2 บริษัทกำหนดเป้าหมายในการดำเนินงานร่วมกัน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์สุดพิเศษแก่ลูกค้าทั่วโลกที่สามารถสะท้อน บุคลิกภาพของผู้ครอบครอง รวมทั้งตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างไร้ข้อจำกัด "ปอร์เช่ และ Embraer เป็นองค์กร ที่มีคุณค่าหลักคล้ายคลึงกัน" ข้างต้นคือคำกล่าวของ Alexander Fabig, หัวหน้าส่วนงาน Personalization and Classic "ในแง่ของการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันนั้น เราได้อาศัยองค์ความรู้และความชำนาญของทั้ง 2 แบรนด์มาประกอบกันนำมาซึ่ง แนวทางการพัฒนาที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะมองจากมุมของกลุ่มลูกค้าเครื่องบินเจ็ท หรือเจ้าของรถสปอร์ตก็ตาม"
อากาศยานส่วนตัวรุ่น special edition จำกัดจำนวนการผลิตเพียง 10 ลำโดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญ ในนวัตกรรมเทคโนโลยีและการปรับแต่งที่รองรับทุกความต้องการสะท้อนตัวตนของผู้ครอบครองในขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ของทั้ง 2 บริษัท ยังคงเน้นการผสมผสานระหว่างสมรรถนะของการทำงานอันยอดเยี่ยมพร้อมอรรถประโยชน์ ในการใช้งานเพื่อทุกวันของชีวิต
งานออกแบบดีไซน์ที่ประยุกต์เอาแนวทางการพัฒนาของรถสปอร์ตและเครื่องบินเจ็ทแสดงออกให้เห็นอย่างเด่นชัด จากสีตัวถังภายนอกสไตล์ two-tone ประกอบด้วยสีเงิน Platinum Silver Metallic (gloss) และสีเทา Jet Grey Metallic (satin gloss) ประดับรายรอบตัวถังด้วยลายเส้นโครเมียม และสีน้ำเงิน Speed Blue พ่นสีด้วยกระบวนการที่สลับซับซ้อน ตราสัญลักษณ์ได้รับการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ โดยได้รับอิทธิพลจากรูปทรงของปีกเครื่องบิน และสปอยเลอร์หลังทรงสูง จากชุดแต่ง Sport Design package ของปอร์เช่ 911 รุ่นเรือธง สัญลักษณ์ดังกล่าวจะได้รับการติดตั้งลงในจุดต่างๆ ทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารของรถยนต์ปอร์เช่ อาทิเช่น การประทับตราสัญลักษณ์บริเวณหมอนรองศรีษะ รวมทั้งป้ายแสดงความเป็นรุ่นพิเศษ limited-edition
จำนวนการผลิตของปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส (Porsche 911 Turbo S) รุ่นพิเศษ ถูกจำกัดไว้เช่นเดียว กับจำนวนการผลิตเครื่องบิน ทั้งนี้ป้ายแสดงลำดับการผลิตที่ตรงกับเครื่องบิน ได้รับการติดตั้งไว้บริเวณด้านล่าง ของสปอยเลอร์หลังและด้านข้างของ กุญแจรถ แผ่นปิดธรณีประตูพร้อมตัวอักษร "No step" เรืองแสงสีแดง ขอบหน้าปัทม์นาฬิกาจับเวลา Sport Chrono package บนคอนโซลหน้า ตกแต่งในลักษณะเดียว กับมาตรวัดบนแผงควบคุมอากาศยาน
สีตัวถังโดดเด่นงามสง่าสไตล์ Two-tone: เต็มพิกัดด้วยชุดแต่งของ 911 รุ่นสูงสุด
ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส (Porsche 911 Turbo S) เจเนอเรชันล่าสุด เหนือล้ำด้วยพละกำลัง ความสปอร์ต และความสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ประจำการขุมพลังเครื่องยนต์สูบนอนบ็อกเซอร์ ขนาดความจุ 3.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 650 แรงม้า (478 กิโลวัตต์) ยืนยันความเป็นเลิศภายใต้แนวทางเดิม นั่นคือความสมบูรณ์แบบแห่งดุลยภาพ ของสมรรถนะการขับขี่สไตล์สปอร์ต ตอบสนองทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมทั้งการประลองความเร็วบนสนามแข่ง
สำหรับตัวถังคูเป้ (Coupe) อันเป็นรุ่นที่ได้รับการเลือกให้ผลิตควบคู่กับอากาศยานของ Embraer, นับเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ ตัดสินใจผสมผสานความเงางามระหว่างสี gloss และสี satin-gloss ตัวถังส่วนบนของรถสปอร์ต ทรงสมรรถนะ ได้รับการพ่นสีเงิน Platinum Silver Metallic ขณะที่ตัวถังส่วนล่างเติมแต่งด้วยสีเทา Jet Grey Metallic ตัดขอบด้วย เส้นสายสีโครเมียมและสีน้ำเงิน Speed Blue รายรอบบริเวณตัวถังด้านข้างตลอดจนประตูรถงานสีทุกจุดได้รับการพ่น ด้วยมืออย่างปราณีตจากช่างเทคนิคผู้ชำนาญงาน
ล้ออัลลอยลาย Exclusive design พ่นสีเงิน Platinum Silver Metallic ตัดขอบเสริมความสวยงามด้วยสีน้ำเงิน Speed Blue ทั้งหมดนี้ผลิตขึ้นจากเทคโนโลยีเลเซอร์ กรอบช่องรับอากาศด้านข้างและกรอบกระจกประตูพ่นสีโครเมียมสะท้อน ภาพลักษณ์งานออกแบบของอากาศยานส่วนตัวสุดหรูหรา ไฟโปรเจคเตอร์ LED บนประตูรถฉายแสง เป็นตราสัญลักษณ์ ประจำรุ่นลงบนพื้น พร้อมป้ายสัญลักษณ์พิเศษเฉพาะคันบนเสา B-pillar บ่งบอกถึงลำดับการผลิตด้วยเส้นแนว ตั้งจำนวน 10 เส้น
แรงบันดาลใจจากห้องโดยสารของเครื่องบินเจ็ท เอกลักษณ์แห่งงานตกแต่ง
ความพิเศษเหนือระดับ ยังคงเป็นคำนิยามของภายในห้องโดยสาร นักออกแบบบรรจงเลือกสรรค์เฉดสีในการตกแต่ง พร้อมผสมผสานระหว่างความเข้มของสีดำ และสีขาวบนตัวเบาะนั่งหนังแท้ พื้นผิวของหนังสีดำเสริมความโดดเด่น ด้วยการ เดินตะเข็บสีน้ำเงิน Speed Blue นอกจากนี้ในส่วนของพวงมาลัยหนังแท้ยังได้รับการตกแต่งในรูปแบบของ two-tone โดยมีการมาร์คตำแหน่ง 12 นาฬิกาด้วยสีน้ำเงิน Speed Blue ชุดแต่งภายในห้องโดยสาร Carbon interior pack-age ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งมาพร้อมชิ้นงาน high-gloss ผ้าหลังคาหุ้มด้วยวัสดุ Alcantara สีขาว chalk-coloured โครงด้านหลังของเบาะนั่งคู่หน้าผลิตจากคาร์บอน high-gloss หมอนรองศรีษะทั้ง 2 ฝั่งประทับตราสัญลักษณ์ประจำรุ่น ห่วงหนังสำหรับดึงเพื่อพับพนักพิงเบาะคู่หน้ามีสีแดง ตามมาตรฐานของเบาะนั่งบนเครื่องบิน งานตกแต่งภายใน ห้องโดยสารทั้งหมดรังสรรค์และติดตั้งขึ้นด้วยงานฝีมือจากช่างฝีมือของแผนก Manufaktur ซึ่งไม่สามารถพบได้ ในรถยนต์ รุ่นอื่นจากสายการผลิตปกติ
แผ่นปิดธรณีประตูจารึกตัวอักษร "No step" เรืองแสงสีแดง เฉกเช่นเดียวกับข้อความแสดงเตือนบริเวณส่วนปีก ของอากาศยาน นาฬิกาจับเวลาอันเป็นส่วนหนึ่งของชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono package ได้รับแรงบันดาลใจ มาจากมาตรวัดในห้องควบคุมเครื่องบินเช่นกัน นอกเหนือจากตราสัญลักษณ์ประจำรุ่น ขอบหน้าปัทม์ตกแต่งสไตล์ artifi-cial horizon คล้ายคลึงกับมาตรวัด gyroscope ของเครื่องบิน ซึ่งใช้ในการแสดงระดับความสูงบ่งบอกถึงทิศทาง การเคลื่อนที่ในแนวราบและแนวระดับ แผงคอนโซลฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าติดตั้งตัวอักษร "One of 10" หนังสีดำ ภายในห้องเก็บสัมภาระหน้ารถได้รับการบุอย่างสวยงามด้วยมือ สร้างความแตกต่างด้วยการเดินตะเข็บสีน้ำเงิน Speed Blue บริเวณด้านข้างของกุญแจรถ พ่นสีน้ำเงิน Speed Blue และกำกับหมายเลขลำดับการผลิตที่ตรงกับของเครื่องบินไว้ ตราสัญลักษณ์ประจำรุ่นประทับลงบนปลอกหุ้มรีโมทหนังแท้รวมทั้งผ้าคลุมรถแบบ indoor พร้อมข้อความเตือน "Re-move before flight"
นาฬิกาข้อมือ Globetimer และชุดกระเป๋าเดินทาง คุณค่าที่คู่ควร
นอกจากลูกค้าผู้ครอบครองจะได้เป็นเจ้าของที่สุดแห่งจักรกลทั้งบนพื้นดินและท้องฟ้า ยังได้รับชุดกระเป๋าเดินทาง Por-sche Design luggage set กระเป๋าคุณภาพสูงซึ่งประกอบด้วยกระเป๋าล้อลาก pilot's case 1 ใบ และกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ Porsche Design พร้อมนำเสนอนาฬิกาข้อมือรุ่นพิเศษ special edition 1919 Globetimer UTC อาภรณ์แห่งกาลเวลา เปี่ยมเอกลักษณ์และนวัตกรรมที่ถือกำเนิดขึ้นภายใต้แนวทางการพัฒนาของทั้ง 2 บริษัท ตัวอย่างเช่น เข็มบอกเวลาที่ ได้รับแรงบันดาลใจจากสีเทาที่แตกต่างกัน ภายในจำลองมาตรวัด altimeter แสดงค่าแบบการไต่ระดับบน runway หน้าปัทม์เรืองแสงเพื่อแสดงผลในที่มืดด้วยการเลือกใช้วัสดุ Superluminova พื้นหน้าปัทม์สว่างด้วยสีฟ้าขณะที่ตัวเลข บอกชั่วโมงและนาทีเรืองแสงสีเขียวอ่อน
ปลายเข็มแสดงวันที่เป็นตราสัญลักษณ์ Embraer ในรูปร่างของเครื่องบินขนาดเล็ก สายข้อมือหนังแท้สีดำ ใช้วัสดุคุณภาพ ชั้นเลิศ เช่นเดียวกับงานตกแต่งภายในห้องโดยสารของรถยนตปอร์เช่ เดินตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำเงิน Speed Blue ตราสัญลักษณ์ประจำรุ่น ประทับบนสายข้อมือ รวมทั้งยิงเลเซอร์ลงบนฝาหลังของตัวเรือน นาฬิกาข้อมือ Globetimer edition รุ่นพิเศษ ได้รับเอกสิทธิ์เฉพาะเจ้าของผู้ตัดสินใจจับจองทั้งเครื่องบิน และรถสปอร์ตปอร์เช่เท่านั้น
เกี่ยวกับ Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG และ Porsche Exclusive Manufaktur
Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG, มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Stuttgart-Zuffenhausen, เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ที่มีผลกำไรสูงที่สุดของโลก ในปี 2019 ปอร์เช่สามารถส่งมอบรถยนต์ใหม่ได้ถึง 280,800 คัน ประกอบด้วยรุ่น 911, 718 บ๊อกสเตอร์ (718 Boxster), 718 เคย์แมน (718 Cayman), คาเยนน์ (Cayenne), มาคันน์ (Macan), พานาเมร่า (Panamera) และ ไทคานน์ (Taycan) ไปยังลูกค้าทั่วทุกมุมโลก ผลประกอบการที่ดีขึ้นในสัดส่วน ถึงสิบเปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้ในปีปัจจุบัน ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันรายนี้ สามารถบรรลุ เป้าหมายในการดำเนินงานก่อนรายการพิเศษที่ตัวเลข 4.4 พันล้านยูโร หรือเพิ่มขึ้นสามเปอร์เซ็นต์ ปอร์เช่มีโรงงานประกอบ รถยนต์ในสตุ๊ทการ์ท และ Leipzig รวมทั้งศูนย์วิจัย และพัฒนา Development Centre ที่ Weissach บุคลากรคุณภาพร่วมปฏิบัติหน้าที่กว่า 35,429 ชีวิต ปอร์เช่ยืนหยัดเพื่อการพัฒนานวัตกรรม เคียงข้างด้วยการก่อกำเนิด เทคโนโลยีระดับแนวหน้ามากมายซึ่งมีต้นแบบจากวงการมอเตอร์สปอร์ต ปอร์เช่มุ่งมั่นต่อแนวทางการดำเนินงานในฐานะ สถานประกอบการที่มีความรับผิดชอบอันดีต่อสังคม เศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อม
แผนกตกแต่งพิเศษ Porsche Exclusive Manufaktur ตั้งอยู่ภายในสำนักงานใหญ่ Zuffenhausen มีบทบาทหน้าที่ในการสร้างสรรค์ยนตกรรมสปอร์ตที่บ่งบอกถึงบุคลิกภาพของผู้ครอบครองได้อย่างเด่นชัด ผ่านการผสมผสานงานฝีมือชั้นครูอันสมบูรณ์แบบ เป็นหนึ่งเดียวกับเทคโนโลยีระดับสูงด้วยทีมงานผู้เปี่ยมด้วยทักษะ ความชำนาญหลาย 10 ปี พร้อมผ่านการคัดเลือกทุ่มเทแรงกายแรงใจใช้ระยะเวลาและความอุตสาหะที่ยาวนานกว่า จะได้มาซึ่งผลงานที่สะท้อนความประณีตบรรจงในทุกรายละเอียด ลูกค้าผู้หลงใหลในรถยนต์ปอร์เช่ ล้วนแต่รู้สึกประทับใจ ไปกับการตกแต่งรถยนต์คันโปรดให้แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว Porsche Exclusive Manufaktur สามารถผลิต ชิ้นงานสุดพิเศษตามจำนวนที่ต้องการได้อย่างไร้ข้อจำกัด เริ่มต้นขั้นตอนการดำเนินงาน ด้วยการนำเสนอทางเลือก อันหลากหลายของการตกแต่งให้แก่ลูกค้าทั้งในด้านของอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ และชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ ทางเทคนิคไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังภายนอกหรือชิ้นงานภายในห้องโดยสารของปอร์เช่ทุกรุ่น ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นคือ ตัวแทนที่บ่งบอกถึงความเป็นปัจเจกบุคคลและรสนิยมได้อย่างแท้จริง
เกี่ยวกับ Embraer Group และเครื่องบินส่วนตัว Phenom 300E business jet
Embraer เป็นบริษัทผู้ผลิตอากาศยาน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศบราซิล ขอบเขตของการดำเนินธุรกิจครอบคลุม ทั้งเพื่อการบินพาณิชย์ และการบินพลเรือน กองกำลังป้องกัน และความปลอดภัย รวมทั้งการบินเกษตร บริษัทรับบทบาท หน้าที่ในการออกแบบ พัฒนา ผลิต และทำการตลาด อากาศยาน และระบบควบคุม พร้อมรองรับงานบริการหลังการขาย
Embraer Phenom 300E คือเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา ในฐานะเครื่องบินเจ็ทบังคับด้วยนักบินเดี่ยวลำแรกที่ผ่านการรับรอง เวอร์ชั่น "Enhanced" เปิดตัวในปี 2020 ได้รับการเพิ่ม สมรรถนะให้ทำความเร็วสูงสุดถึง Mach 0.8 หรือ 988 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกเหนือจากความเร็วในการเดินทางที่ น่าประทับใจ แล้ว เครื่องยนต์ twin-engine ยังได้กำหนดบรรทัดฐานใหม่ในเชิงของพิสัยทำการด้วยระยะทางสูงสุดกว่า 2,010 ไมล์ทะเล (เทียบเท่าระยะทาง 3,723 กิโลเมตร) เมื่อใช้ความเร็วสำหรับการบินระยะยาวในกรณี รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง พร้อมน้ำมัน สำรอง (prescribed fuel reserve) โดยขึ้นอยู่กับการปรับตั้งค่าการทำงาน ของเครื่องบินจำนวนผู้โดยสารสูงสุด 10 ที่นั่งพร้อมความสะดวกสบายและบรรยากาศในการโดยสารเดินทาง ที่เหมาะ กับการทำงาน.
ติดตามภาพประกอบเนื้อข่าวได้จาก Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.com)
อัตราการาบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปลอ่ยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากลที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราการบริโภคของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้
สำหรับข้อมูลอย่างเป็นทางการของผลทดสอบอัตราการาบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย และอัตราการปลอ่ย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย ในรถยนต์รุ่นใหม่อื่นๆ สามารถค้นหาได้จากเอกสาร "Guidelines on fuel consumption, CO2 emissions and power consumption of new passenger cars" [Leitfaden ueber den Kraftstoffverbrauch, die CO2-Emissionen und den Stromverbrauch neuer Personenkraftwagen], ผ่านตัวแทนจำหน่ายและสถาบัน Deutsche Automobil Treuhand GmbH (DAT) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า "AAS The Name you can Trust" ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี