'บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์' หรือ TPIPP ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งรายใหญ่ของไทย เผยผลงานไตรมาส 3/2563 กำไรสุทธิ 1,206 ล้านบาท และรายได้รวม 3,011 ล้านบาท ดันผลงาน 9 เดือนแรก 2563 ทำกำไรสุทธิ 3,345 ล้านบาท และรายได้รวม 8,601 ล้านบาท ตามปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด มองโค้งสุดท้ายเติบโตแกร่ง จากการเพิ่ม Boiler ให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าจากโรงงานปูนซีเมนต์ หลังอุตสาหกรรมก่อสร้างเริ่มฟื้นตัว
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 (กรกฎาคม-กันยายน) มีรายได้รวม 3,011 ล้านบาท เติบโต 12.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 2,687 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,206 ล้านบาท เติบโต 9.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,098 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้รวม 8,601 ล้านบาท เติบโต 8.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 7,944 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,345 ล้านบาท เติบโต 0.39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 3,332 ล้านบาท
โดยเป็นผลจากที่บริษัทฯ สามารถทำปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด (New High) ประมาณ 615.347 ล้านหน่วย หรือมีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงกว่า 95%จากการติดตั้งหม้อต้มไอน้ำบางส่วน (Boiler) แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้ง บริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี ปรับตัวลดลง 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 คาดว่าจะมีประสิทธิภาพการผลิตที่ดีต่อเนื่องจากการเพิ่มหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ประกอบกับภาพรวมอุตสาหกรรมในประเทศที่เริ่มทยอยฟื้นตัวสู่ระดับปกติหลังผ่านช่วงมาตรการปิดเมือง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ผลักดันผลการดำเนินงานทั้งปี 2563 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ตอกย้ำศักยภาพผู้นำอันดับหนึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียวที่ช่วยกำจัดขยะให้ประเทศ (Leader of Green & Clean Energy) ซึ่ง TPIPP มุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามแนวทาง Zero Waste โดยใช้พลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและมีประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตไฟฟ้า เพื่อช่วยลดสภาวะเรือนกระจก รวมถึงการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตามหลักธรรมาภิบาลที่ดีและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
สำหรับความคืบหน้าโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต (Futuristic Advance Industrial City) อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา นั้น ครม.ได้อนุมัติให้ติดตั้งโรงไฟฟ้า 3700 MW อันมีโรงไฟฟ้าจาก LNG 1700 MW และโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน (Renewable Energy) พลังลม 800 MW พลังแสงอาทิตย์ 1000 MW และพลังงานจากขยะหรือ BIO Mass 200 MW ทางบริษัทฯได้เริ่มการติดต่อกับพันธมิตรทางธุรกิจ จากประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และ อื่นๆ รวมถึงบริษัทภายในประเทศ โดยบริษัทได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังได้เริ่มพูดคุยกับผู้ผลิตเครื่องจักรอุปกรณ์ รวมไปถึงสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจจากการพูดคุยกับพันธมิตรเหล่านี้ ทั้งนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการทำ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment) และ รายงานการวิเคราห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุภาพ (Environmental and Health Impact Assessment) ในโครงการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต โดยบริษัทฯได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเริ่มงาน หลังจากรายงานผลวิเคราะห์เหล่านี้ได้มีมติอนุมัติโดยหน่วยงานของรัฐฯที่เกี่ยวข้องแล้วเท่านั้น