- ผลการสำรวจจากผู้นำเทคโนโลยี 1,100 รายครอบคลุม 10 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ที่รับรู้และมีการใช้งานเอดจ์คอมพิวติ้ง (Edge Computing)
- 28 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรมีการใช้เอดจ์ คอมพิวติ้งและอีก 38 เปอร์เซ็นต์จะใช้ในอีก 24 เดือนข้างหน้า ซึ่งเรากำลังเข้าสู่เส้นแบ่งเขตแดนถัดไปของการใช้เทคโนโลยีในเอเชียแปซิฟิก
- จากผู้ที่ใช้เอดจ์คอมพิวติ้ง 72 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าประโยชน์หลักที่ได้คือการลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีและการดำเนินการ
- รายงานชิ้นนี้ ยังเจาะลึกที่ผลการวิจัยที่ได้จากอุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน ภาคการศึกษาในระดับสูงและภาคเฮลธ์แคร์
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน เผยผลสำรวจจาก Tech Research Asia (TRA) เกี่ยวกับเอดจ์คอมพิวติ้งในเอเชียแปซิฟิก รายงานที่เพิ่งปล่อยออกมาชิ้นนี้ จัดทำขึ้นโดย ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ครอบคลุมถึงมุมมองเชิงลึกจากซีไอโอ 15 ราย และผู้นำด้านเทคโนโลยีจำนวน 1,100 รายจากอุตสาหกรรมหลากหลายในเอเชียแปซิฟิกในปัจจุบัน เกี่ยวกับสภาพไอที การใช้งานเอดจ์คอมพิวติ้งและความมุ่งหมาย รวมถึงคำชี้แนะสำหรับอนาคต รายงานดังกล่าวยังได้ชี้ถึงมุมมองเชิงลึกด้านเอดจ์คอมพิวติ้งในภาคอุตสาหกรรม 5 ประเภทในมิติที่ลึกลงไปอีก
"องค์กรจำนวนมากทั่วเอเชียแปซิฟิก จะได้รับประสบการณ์จากประโยชน์ของเอดจ์คอมพิวติ้งภายใน 5 ปีข้างหน้า" เทรเวอร์ คลาร์ก ผู้อำนวยการ TRA กล่าว "ในขณะที่ทุกคนกำลังใช้คำว่า "เอดจ์ (Edge)" แต่แน่นอนว่าองค์กรเหล่านี้ยังจำเป็นต้องมีไซต์เอดจ์ และศักยภาพต่างๆ เพื่อช่วยให้ประสบความสำเร็จ" เทรเวอร์ กล่าว
การสำรวจประกอบด้วยการวิจัยในแนวกว้างอย่างครอบคลุมและการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ตอบสำรวจครอบคลุมอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยผู้ตอบสำรวจมาจากประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียแปซิฟิก ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียตนาม เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และประเทศไทย
"รายงานจาก TRA แสดงให้เห็นถึงเหตุผลหลักที่ผู้นำไอทีนำเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องของแบนด์วิดธ์ (bandwidth) และความล่าช้า การนำเสนอครั้งนี้ยังเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นต่อไปว่า ประโยชน์สำคัญของเอดจ์คือการนำมาใช้ในสภาพแวดล้อมธุรกิจที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน" เบนนัวต์ ดูบาร์เล รองประธานอาวุโส เอเชียตะวันออกและญี่ปุ่น ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว
เอดจ์ คอมพิวติ้ง ให้ประโยชน์มากมาย รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีและการดำเนินการรายงานเผยว่า 72 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบสำรวจที่ใช้เอดจ์คอมพิวติ้ง เห็นถึงประโยชน์ในแง่ของการลดค่าใช้จ่ายด้านไอที ตามด้วยค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินการ (46 เปอร์เซ็นต์) และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า (34 เปอร์เซ็นต์) ในแง่ของอุตสาหกรรมที่มีอัตราการนำมาใช้งานสูงสุด คือภาคการศึกษาที่มาเป็นอันดับต้นโดย 68 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรที่ร่วมการสำรวจมีการนำเอดจ์มาใช้ ทั้งนี้ องค์ประกอบอย่างการระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกและโมเดลการเรียนรู้แบบใหม่ทำให้การประสานความร่วมมือและการแบ่งปันทรัพยากรระหว่างสถาบันกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น
เช่นเดียวกันกับจำนวนครึ่งหนึ่งของผู้รับการสำรวจที่อยู่ในอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ ได้มีการนำเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้โดย 80 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ใช้ปัจจุบันที่ใช้บริการคลาวด์บางประเภท การวิจัยได้ชี้แนะถึงเหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคือการแก้ปัญหาในเรื่องของแบนด์วิดธ์และความล่าช้า การตอบโจทย์เรื่องสัญญาผูกมัดด้านความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องค่าใช้จ่าย โดย 63 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรในภาคบริการด้านการเงินในเอเชียแปซิฟิก นำเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้ เทียบกับ 22 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบสำรวจที่กล่าวว่าจะย้ายเวิร์กโหลดทุกอย่างไปไว้บนคลาวด์ แสดงให้เห็นถึงความพอใจในการใช้เอดจ์
สถานภาพปัจจุบันของไอทีในเอเชียแปซิฟิก
การวิจัยได้เน้นที่ประเด็นหลักสองสามประการ เกี่ยวกับสถานภาพปัจจุบันของกลยุทธ์ด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานในทั่วทั้ง 10 ประเทศ โดยผลการศึกษามีดังต่อไปนี้
- ระบบไอทีแบบไฮบริด กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน โดย 51 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบสำรวจชี้ว่า องค์กรตนจะมีระบบโครงสร้างผสมผสานระหว่างคลาวด์ กับ on-premises ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าการจัดทำแผนงานด้านเวิร์กโหลดนับเป็นแนวทางหลักในการบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียแปซิฟิกในปัจจุบัน บรรดาธุรกิจจึงไม่ต้องปฏิบัติตามแนวคิด "cloud first" ซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจอีกต่อไป
- มีการใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กรและโคโลเคชันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยผู้ตอบสำรวจจำนวน 21 เปอร์เซ็นต์วางแผนว่าจะมีการนำระบบโครงสร้างใหม่มาใช้
- 95 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบสำรวจกล่าวว่ามีการใช้ซอฟต์แวร์เชิงการบริการ หรือ (SaaS) อยู่แล้วในปัจจุบัน จำนวนเปอร์เซ็นต์ในระดับนี้จะยังคงที่ แม้ว่า TRA คาดว่าการเติบโตของ SaaS จะดำเนินไปอย่างสอดคล้องตามองค์กรที่ใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ
สรุปประเด็นหลักจากรายงานเกี่ยวกับการใช้เอดจ์คอมพิวติ้ง
ในแง่ของการใช้งานในตลาด 28 เปอร์เซ็นต์ของผู้นำทั่วเอเชียแปซิฟิก กำลังนำเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้ในหลายไซต์ โดยมีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 38 เปอร์เซ็นต์ภายใน 24 เดือนข้างหน้า ประเด็นดังกล่าวคาดว่าจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 7 ไซต์เป็น 11 ไซต์
กรณีการใช้งานเอดจ์ คอมพิวติ้งหลักๆ ได้แก่
- สร้างประสบการณ์ของลูกค้า ในการใช้ไซต์เอดจ์เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น และช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลและแอปฯ ได้รวดเร็วขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น
- สร้างประสบการณ์ของพนักงาน ช่วยลดความล่าช้าและช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น โดยเป็นไปได้ว่าจะมาจากประสบการณ์และฟังก์ชั่นการทำงานใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย IoT
- การดูแลสอดส่อง ช่วยให้การซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ทำได้ในเชิงรุก พร้อมตรวจสอบสมรรถนะของอาคารและสินทรัพย์ต่างๆ อีกทั้งช่วยให้มั่นใจเรื่องการตรวจสอบความปลอดภัยของกล้อง CCTV
- โดยในภาพรวม ผู้ที่นำเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้เป็นรายแรกๆ ในเอเชียแปซิฟิก ปกติจะเห็นว่ามีค่าใช้จ่ายลดลงทั้งด้านไอทีและการดำเนินงานโดยเป็นผลมาจากการปรับปรุงการดำเนินงานทั่วธุรกิจได้ดีขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5-10 เปอร์เซ็นต์
โดยในภาพรวม ผู้ที่นำเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้เป็นรายแรกๆ ในเอเชียแปซิฟิก ปกติจะเห็นว่ามีค่าใช้จ่ายลดลงทั้งด้านไอทีและการดำเนินงานโดยเป็นผลมาจากการปรับปรุงการดำเนินงานทั่วธุรกิจได้ดีขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5-10 เปอร์เซ็นต์
ดาวน์โหลดรายงานการสำรวจเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มที่จัดทำโดย TRA ได้ที่ The Edge in Asia Pacific: Research Findings
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งมั่นช่วยองค์กรธุรกิจปรับสู่ระบบดิจิทัลและตอบโจทย์ท้าทายในเรื่องความล่าช้า ความปลอดภัย ค่าใช้จ่าย การสอดส่องและการควบคุมดูแล คลิก ที่นี่ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันเอดจ์คอมพิวติ้ง
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริคและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ล่าสุด สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ทางการของชไนเดอร์ อิเล็คทริค และที่ https://www.se.com/my/en/
นอกจากนี้ คุณยังจะได้รับการอัพเดตต่างๆ ที่น่าสนใจ หากติดตามเพจเฟสบุ๊คอย่างเป็นทางการของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่ https://www.facebook.com/SchneiderElectricTH
เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค
เป้าหมายหลัก ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยง ความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On
ภารกิจของเรา คือ การเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัล เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน
เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัลด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เชื่อมต่อจากปลายทางไปยังคลาวด์ เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพสูงสุดในการบริหารจัดการองค์กร สำหรับที่อยู่อาศัย อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม
เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและสนับสนุนกลยุทธ์การสร้างระบบนิเวศของคู่ค้าซึ่งมีความมุ่งมั่นในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน