บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เผยจุดยืนหลังจากนี้ลุยขยายพอร์ตโซลาร์ เดินหน้าใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน ผ่าน Gunkul Spectrum เพื่อเป็น Thailand's 1st energy trendsetter โดยร่วมกับ Partner รับมือยุคดิสรัปชั่น ตอบเทรนด์การใช้พลังงานของโลกในอนาคต คาดชัดเจนปี'64 "โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์" เผยปี'64 ภาพรวมองค์กรจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จากการจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มกว่า 100 เมกะวัตต์ และมีงาน EPC ตุนไว้กว่า 8,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมั่นใจปีนี้ผลงานเติบโตตามเป้า
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจพลังงานทดแทนและผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และมีความมั่นคงมากขึ้นจากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มทั้งในและต่างประเทศ และจากการที่กลุ่มบริษัทฯ มีจุดยืนในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ดังนั้นกลุ่มบริษัทฯ จึงมุ่งขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานสะอาดให้ตอบเทรนด์การใช้พลังงานของโลกในอนาคต โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะนวัตกรรมด้านพลังงานที่ล้ำสมัยมาผสานเข้ากับระบบบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และยั่งยืนยิ่งขึ้น จากพลังงานทั่วโลกกำลังก้าวสู่ยุคเอนเนอร์จี ดิสรัปชัน โดยผ่านการดำเนินงานภายใต้ Gunkul Spectrum เพื่อที่จะเป็น Thailand's 1st energy trendsetter ร่วมกับ partner ซึ่งจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2564
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทฯ มั่นใจผลการดำเนินงานในธุรกิจทุกภาคส่วนในปี 2564 จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้วกว่า 100 เมกะวัตต์ ประกอบกับมีงานรับเหมาก่อสร้าง (EPC) ที่มีอยู่ในมือกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 3 ปี โดยยังไม่นับรวมงานประมูลที่จะทยอยเพิ่มเข้ามาในปี 2564
"สำหรับไตรมาส4/2563 คาดว่าจะมีโครงการโซลาร์ฟาร์มในเวียดนามเข้ามาเพิ่มอีก 1 โครงการ กำลังการผลิตขนาด 50 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีจำนวนเมกะวัตต์สะสมเพิ่มขึ้นตามนโยบายของบริษัทที่ตั้งไว้ ที่สำคัญทำให้มีอัตราการเติบโตทั้งทรัพย์สินและผลกำไรเพิ่มขึ้น โดยปี 2563 บริษัทฯ ใช้งบลงทุนไปแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละปีบริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท และหากโครงการเวียดนามสามารถบรรลุเป้าหมายได้ในไตรมาส 4 นี้ จะทำให้ปี 2563 บริษัทฯ ใช้งบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มั่นใจรายได้และกำไรทั้งปีจะเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ "