- ร้านมากที่สุดในเอเชีย ที่เดียวที่รวมร้านอาหารชื่อดังทั้งในประเทศและจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 215 ร้าน มาไว้บนพื้นที่กว่า 46,000 ตร.ม. ใหญ่เทียบเท่า 3 สนามฟุตบอล
- อร่อยที่สุด รวมหลายร้านอาหารดังมิชลินสตาร์ และมิชลินไกด์ไว้ในที่เดียว
- ครบที่สุด ตั้งแต่วัตถุดิบอาหารสด, ร้านอาหารทุกประเภท, Cafe society ที่มีร้านกาแฟ และ Cafe ขนมหวานเยอะที่สุด ไปจนถึง สถาบันสอนทำอาหารระดับโลก
- ครั้งแรก ครีเอท 'ฟู้ดไบเบิ้ล' ลงลึกทุก Lifestyle insight ของการทานอาหารทุกรูปแบบ ทั้งหมด 8 สายความอร่อย ตอบโจทย์คำถามฮิตติดปาก "วันนี้กินอะไรดี?"
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สร้างปรากฏการณ์โลกแห่งอาหารครั้งยิ่งใหญ่ จัด Exclusive long table diner เปิดตัวคอนเซ็ปต์ "centralwOrld endless discovery wOrld of food" ชู The Biggest Food destination ที่รวบรวมร้านอาหารชื่อดังทุกรูปแบบไว้มากที่สุดในโลกถึง 215 ร้านมากกว่า 10 สัญชาติทั่วโลกไว้ในศูนย์การค้า มอบประสบการณ์ความอร่อยไม่สิ้นสุด ตั้งแต่วัตถุดิบอาหารสดคุณภาพดี, ร้านอาหารทุกสไตล์, Street Foods, Cafe society ที่มี cafe มากที่สุด ไปจนถึงสถาบันสอนทำอาหารระดับโลกแห่งเดียวในไทยอย่าง Le Cordon Bleu Dusit ตอบทุกไลฟ์สไตล์ ทุกแพชชั่นการกินและการทำอาหารอย่างแท้จริง ตอกย้ำเซ็นทรัลเวิลด์ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหาร (Food Destination) ที่หลากหลายที่สุดเพื่อให้ทุกคนที่มาได้รับประสบการณ์ความอร่อยร่วมกัน และดื่มด่ำกับโลกของอาหารในแบบของตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ภายในงานนำโดย 2 ผู้บริหาร ที่จะมาเจาะลึกไลฟ์สไตล์การทานอาหารของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ได้แก่ ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และ อิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มาร่วมเผยโฉมโลกแห่งอาหารที่เซ็นทรัลเวิลด์เป็นครั้งแรก พร้อมด้วย "ฟู้ดไบเบิ้ล" ที่รวมร้านอาหารทั้งหมด 215 ร้านในเซ็นทรัลเวิลด์ โดยแบ่งตาม Lifestyle Insight การทานอาหารของคนออกเป็น 8 สาย ได้แก่ สายแข็งชาบู-ปิ้งย่าง, สายมิชลิน, สายคาเฟ่ของหวาน, สายอินเตอร์, สาย Thai taste, สายกินง่ายๆ, สายปาร์ตี้แฮงค์เอ้าท์, และสายครีเอทีฟคุ้กกิ้ง โดยภายในงานได้จัด Exclusive Food Tasting แนะนำเมนูไฮไลท์ของร้านอาหารในแต่ละสายมารวมตัวกันมากที่สุดเป็นครั้งแรก
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า "ประเทศไทยถือได้ว่าเป็น Food heaven ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ดังนั้นการมี Food destination ในศูนย์การค้าที่ยิ่งใหญ่ระดับเอเชีย และถือเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของโลก จะเป็น Impactful magnet ที่สำคัญของประเทศไทย อีกทั้งประเทศไทยยังมีร้านอาหารขายตลอด 24 ชั่วโมง มี Street food ชื่อดังมากมายให้ทานได้ตลอดเวลา เฉลี่ยแล้วใน 1 วัน คนไทยบริโภคมากถึง 7 มื้อ ดังนั้น เซ็นทรัลเวิลด์ในฐานะการเป็นแลนด์มาร์คระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ เราจึงรวบรวมร้านอาหารอร่อยทุกรูปแบบมาไว้ในที่เดียวมากถึง 215 ร้านซึ่งมากที่สุดในโลก และครบทุกประเภท เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหาร (Food Destination) ที่หลากหลายที่สุดเพื่อให้ทุกคนที่มาได้รับประสบการณ์ความอร่อย และดื่มด่ำกับโลกของอาหารในแบบของตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเราให้ความสำคัญกับ "ประสบการณ์ด้านอาหาร" (Food Experience) เพราะเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่จะหาไม่ได้จากโลกออนไลน์ นอกจากนี้ ภายในเดือนธันวาคม 2563 - มกราคม 2564 จะมีร้านอาหารใหม่กว่า 10 ร้านที่เป็นร้านดังจากต่างประเทศและร้านอาหารที่คว้าดาวมิชลินมาเปิดให้บริการที่เซ็นทรัลเวิลด์เพิ่มเติม อาทิ Tsuta ร้านราเมนร้านแรกของโลกและร้านแรกของญี่ปุ่นที่ได้รับ 1 Michelin Star เมื่อปี 2015 และร้าน Kam's Roast Goose ร้านห่านย่างเจ้าดังจากฮ่องกง การันตีความอร่อยระดับ 1 ดาวมิชลินถึง 5 ปีซ้อนที่จะมาเดือน ม.ค. 64, TP Tea by Chun Shui Tang ต้นตำรับชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลก, The Cassette Music Bar เตรียมยกบรรยากาศยุค 90' และเพลงดังสุดฮิตให้มาย้อนเวลาไปพร้อมกัน, ร้าน Seoul Garden ปิ้งย่างชื่อดังสุดฮิตจากเกาหลีที่แรกในไทย เป็นต้น"
อิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า "เซ็นทรัลเวิลด์เป็นศูนย์การค้าแห่งแรกที่รวมร้านอาหารชื่อดังทุกรูปแบบไว้มากที่สุด เพราะแต่ละคนมีความชอบ และ Passion เรื่องอาหารที่แตกต่างกัน และคนหนึ่งคนก็สามารถ Create their own experiences ในแต่ละครั้งที่มาได้ไม่เหมือนกัน และอาหารเป็นเรื่องของ Passion เป็นความชอบที่ไม่มีรูปแบบตายตัว เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นเคยกับคำถาม 'วันนี้จะกินอะไรดี?' และยิ่งมาที่เซ็นทรัลเวิลด์ที่ทั้งใหญ่และกว้างมาก หลายคนรู้ว่ามีร้านอาหารเยอะ แต่ไม่รู้ว่ามีร้านอะไรบ้าง และอยู่ตรงไหน เราจึงได้นำจุดนี้มาสร้างเป็น Food Bible ที่จะทำให้คำถามที่ว่า วันนี้จะกินอะไรดี? หมดไป โดยเราได้ข้อมูลเจาะลึกมาจาก Lifestyle Insight ในการทานอาหารของคนในปัจจุบัน จากร้านอาหารทั้งหมด 215 ร้าน แบ่งออกได้เป็น 8 สายความอร่อย ได้แก่
ชาบู สุกี้ ปิ้งย่างหลากหลายสัญชาติ เหมาะกับทั้งครอบครัว, สายสุขภาพ, Meat lover อาทิ Shabushi, Charna, MK Live, Momo paradise Gold, Tajimaya Yakiniku, Nice Two Meat U Haidilao หม้อไฟชื่อดังที่มาเปิดสาขาแรกในไทย และล่าสุด Sukishi Prime ที่เปิดตัว Korean Omakase ครั้งแรก
- ร้านกาแฟชื่อดัง อาทิ The Coffee Academics, Host & Amber, Roast, Pacamara, Red diamond และ มี Starbuckถึง 4 สาขา รวมถึง Starbuck Reserve Cafe สาขาที่ใหญ่ที่สุดของไทย ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากจีน
- ของหวาน ขนมและชา อาทิ TP Tea ต้นตำรับชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลกจากไต้หวัน, Xing Fu Tang ชานมไข่มุกอันดับหนึ่งของไต้หวัน, Anri bakery พายแอปเปิ้ลชื่อดังของญี่ปุ่น, After You, Yomie's rice, Zakuzaku, Paris Mikki, Paul, Eric Kayser