บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นฟิวเจอร์เพื่อการออม (B-FUTURESSF) ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรก สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ในอัตรา 0.23 บาทต่อหน่วย โดยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน วันที่ 8 ธันวาคม 2563 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 ธันวาคม 2563 ถือเป็นกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) กองแรกในประเทศไทย ที่จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน
สำหรับกองทุน B-FUTURESSF ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง กองทุนนี้เน้นลงทุนในต่างประเทศ ในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มการบริโภคในอนาคต ที่นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่เห็นโอกาสการเติบโตจากนวัตกรรมสินค้าและบริการ
เมื่อเร็วๆ นี้ B-FUTURE ซึ่งเป็นกองทุนที่ B-FUTURESSF ลงทุน มีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) ผ่านการเข้าซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน Wellington Fintech Fund โดยมีสัดส่วนการลงทุน ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2563 อยู่ที่ 7.92% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุน เนื่องจากผู้จัดการกองทุนมองว่า การลงทุนในกลุ่มฟินเทคจะทำให้ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุน SSF จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถลงทุนระยะยาวได้ โดยมีเงื่อนไขการถือครองขั้นต่ำ 10 ปีเต็ม สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในแต่ละปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี และเมื่อรวมกับวงของเงินลงทุนเพื่อเกษียณอื่นๆ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
สำหรับ ผู้ลงทุนที่สนใจอัพเดทข้อมูลกองทุน B-FUTURESSF ได้ทางเว็บไซต์ bblam.co.th และ BF Mobile App.