"ดวงตา" เป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกายมนุษย์ที่ไม่ควรละเลย เพื่อที่จะได้มีดวงตาไว้มองเห็นไปได้นานๆ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปความเสื่อมของดวงตาก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป จะพบโรคทางตาได้มากขึ้น เนื่องจากดวงตาเริ่มมีความเสื่อมลง โรคที่พบได้บ่อยๆ ในผู้สูงอายุ คือ 5 ต. 2 จ.
- ต.ที่หนึ่งคือ ตาแห้ง จะมีอาการระคายเคืองตา หรือตามัวเป็นๆ หายๆ เนื่องจากการสร้างน้ำตาลดลง และการระเหยของน้ำตา มากขึ้น ทำให้เป็นปัจจัยที่ทำให้น้ำตาที่ไปหล่อเลี้ยงดวงตาลดลง
- ต.ที่สองคือ ต้อลม จะมีอาการระคายเคืองตา เหมือนมีอะไรอยู่ในตา เกิดจากการโดนลมและฝุ่น
- ต.ที่สามคือ ต้อเนื้อ โดยการสังเกตจะเห็นมีเนื้อเยื่อสามเหลี่ยม บริเวณหัวตาหรือหางตาบนตาดำ จะมีอาการเคืองตา ไม่สบายตา สู้แสงไม่ได้ ถ้าเป็นมากอาจทำให้สายตาเอียงหรือตามัวลงได้
- ต.ที่สี่คือ ต้อกระจก พบได้บ่อยที่สุดจะมีอาการ เช่น มองเห็นไม่ชัดเท่าเดิม สายตาเปลี่ยนเร็ว หรือออกแดดแล้วมัวมาก เกิดจากความขุ่นในเลนส์ดวงตาหรือทำให้เกิดสายตาสั้น สายตายาวมากขึ้น
- ต.สุดท้ายคือ ต้อหิน เป็นภัยเงียบที่จะนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นถาวร เนื่องจากในระยะแรกผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ กว่าจะรู้ตัวโรคก็ดำเนินไปมากแล้ว ถ้าไม่รักษาอาจทำให้ตาบอดได้
- ในส่วน 2 จ. ได้แก่ จ.ที่หนึ่งคือ จุดรับภาพเสื่อม การเห็นภาพจะมัวลง มองเห็นไม่ชัดบิดเบี้ยว โดยไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย
- จ.ที่สองคือ เบาหวานขึ้นจอตา เกิดจากความผิดปกติจากหลอดเลือดฝอยในจอตา ทำให้เลือดหรือสารต่างๆ รั่วซึมออกมา ซึ่งเป็นผลจากการคุมเบาหวานไม่ดี ทำให้มีอาการตามัว หรือลุกลามทำให้ตาบอดได้
วัยผู้สูงอายุ จะมีการเปลี่ยนแปลงตามวัยรวมไปถึงการมองเห็น จึงควรเข้าพบจักษุแพทย์ตรวจดวงตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อที่จะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง
ข้อมูลดีๆ จาก.. พญ.ชมพูนุท ภูมิรัตนประพิณ จักษุแพทย์เฉพาะทางโรคต้อหิน ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลหัวเฉียว