"สาธิต วิทยากร" กางแผน PRINC ระยะ 3 ปี ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 30% จำนวนเตียงเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวแตะ 1,800 เตียง จากปัจจุบัน 980 เตียง ปรับกลยุทธ์เปิดรับพันธมิตรเร่งการเติบโตเร็วขึ้น อาศัยความเชี่ยวชาญระบบบริหารจัดการธุรกิจโรงพยาบาลที่มี ทำหน้าที่บริหาร ขณะที่พันธมิตรทำหน้าที่ลงทุน พร้อมเปิดโอกาสให้เข้าร่วมถือหุ้น ช่วยแก้ปัญหาฟรีโฟลทต่ำเกณฑ์
นายสาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายระยะ 3 ปีข้างหน้า หรือระหว่างปี 2564-2566 รายได้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% จำนวนเตียง ในปี 2566 ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนเตียงให้ได้ 1,800 เตียง เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปัจจุบัน (ปี 2563) มีจำนวนเตียง 980 เตียง
สำหรับกลยุทธ์ในการเติบโตนั้น บริษัทจะอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตรในฐานะ Healthcare Enabler หรือผู้ให้บริการการพัฒนาธุรกิจ Healthcare แบบครบวงจร เนื่องจากขณะนี้พบว่ามีภาคส่วนธุรกิจอื่น ให้ความสนใจต้องการเข้าลงทุนธุรกิจ Healthcare และได้เข้ามาเจรจากับบริษัท คาดว่าน่าจะเริ่มเห็นความร่วมมือตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป
"ก่อนหน้านี้บริษัทวางตำแหน่งตัวเองเป็นเพียงผู้ให้บริการธุรกิจโรงพยาบาล แต่จากนี้ไปจะวางตำแหน่งให้กลายเป็น Healthcare Enabler หรือผู้ให้บริการการพัฒนาธุรกิจ Healthcare แบบครบวงจร โดยอาศัยความพร้อมทางด้านระบบบริหารจัดการธุรกิจโรงพยาบาลที่มี ผลักดันให้องค์กรอื่นที่ให้ความสนใจลงทุน สามารถลงทุนธุรกิจ Healthcare ได้เร็วขึ้น โดยบริษัทจะทำหน้าที่ในการบริหารจัดการธุรกิจโรงพยาบาล ขณะที่พันธมิตรจะเข้ามาสนับสนุนในการลงทุนก่อสร้างอาคาร รูปแบบความร่วมมือแนวทางนี้จะช่วยให้การขยายธุรกิจของ PRINC ขยายได้อย่างเร็วขึ้น และเป็นปัจจัยหลักผลักดันให้รายได้เติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้", ประธานคณะกรรมการบริหาร PRINC กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทเปิดโอกาสให้พันธมิตรเข้ามาร่วมถือหุ้น เพื่อยกระดับความร่วมมือ และยังช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องของสัดส่วนการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ของบริษัท ซึ่งปัจจุบันยังต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด
นายสาธิต กล่าวถึงรายได้ในปี 2563 นี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 2,326 ล้านบาท ทำได้ใกล้เคียงกับงวดปี 2562 รายได้รวมอยู่ที่ 2,332 ล้านบาท และในปี 2564 คาดการณ์รายได้จะอยู่ที่ 3,600 ล้านบาท เติบโตราว 55% ขณะที่ผลประกอบการยังคงแสดงผลขาดทุนสุทธิอยู่นั้น เนื่องจากเป็นปกติของธุรกิจโรงพยาบาลจะใช้เวลา 5 ปี จึงจะเริ่มเห็นผลกำไร อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาในแง่ของกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม(EBITDA) ของบริษัทนับตั้งแต่ปี 2564 - 2566 มีแนวโน้มการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10 % ในแต่ละปี เนื่องจากเริ่มรับรู้ผลการเข้าลงทุนในธุรกิจที่ได้ลงทุนมาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว ประกอบกับขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ในปี 2563 ได้เริ่มดำเนินการโรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จังหวัดชุมพร และโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี ส่วนในปี 2564 จะเปิดให้บริการโรงพยาบาลศิริเวชลำพูน (ขยายตึกใหม่) ในไตรมาส 1 ของปี 2564 และโรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ จะเปิดให้บริการในไตรมาส 2 ของปี 2564 ส่วนแผนการขยายคลินิก นั้น กำหนดเป้าหมายจะเปิดในปี 2564 จำนวน 20 แห่ง ปี 2565 เตรียมเปิดเพิ่มอีก 25 แห่ง และให้ครบ 100 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2566