3 กูรูหุ้น แนะนำ "ซื้อ" LEO อัพราคาเป้าหมาย 6.60-7.30 บาท/หุ้น รับอานิสงส์เศรษฐกิจโลกฟื้น "การนำเข้า-ส่งออก" ขยับ ยังไม่นับ Upside จากการหาพันธมิตรใหม่ และโอกาสในการทำ M&A ดันรายได้และกำไร ทุบสถิติ All Time High ต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) ประเมินราคาเหมาะสมได้เท่ากับ 7.30 บาท/หุ้น อิงวิธี DCF โดยกำหนดสมมติฐาน WACC 6.6%, Terminal growth 3% ทั้งนี้ เนื่องจากหุ้น LEO เพิ่งเข้าเทรดได้ไม่นาน จึงคำนวณหาค่า Beta จากการคำนวณค่า Unlevered beta ของหุ้นกลุ่มขนส่งในตลาดฯ ณ ราคาเหมาะที่ประเมินคิดเป็นเป้าหมาย Forward PE ราว 33 เท่า
ทั้งนี้ คาดกำไรปี 2564 เติบโตเพิ่มขึ้น 31.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยังไม่รวม Upside จากการหาพันธมิตรใหม่ และโอกาสในการทำ M&A
บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด แนะนำ "ซื้อ" และปรับเราคาเป้าหมายปี 2564E ขึ้นเป็น 7.20 บาท/หุ้น โดยวิธี PE Ratio ที่ 32.5 เท่า เทียบเท่า Trading PER ของ MSCI EM Air Freight & Logistic Index ซึ่งเชื่อว่าด้วยความต้องการการขนส่งที่ยังสูง ในขณะที่สายการบินพาณิชย์จะยังไม่สามารถให้บริการได้จนถึงครึ่งหลังปี 2564 ทำให้กลุ่ม Logistic ยัง Trading ที่ Premium ได้
ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2563 ที่ 60 ล้านบาท โดย 9M20 คิดเป็น 77% ของประมาณการ ซึ่งประเมินว่ามีโอกาสที่กำไรจะมากกว่าที่ประมาณการไว้ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้ปริมาณความต้องการขนส่งทางเรือเพิ่มมาก
นอกจากนี้ การที่สายการบินยังบินระหว่างประเทศที่จำกัดจาก COVID-19 แต่ความต้องการการขนส่งทางอากาศยังมีจำนวนมากดังนั้นกลยุทธ์การเช่าเครื่องบินแบบเหมาลำของบริษัทยังคงเป็นที่ต้องการ และทำให้อัตราการทำกำไรของบริษัทยังสูงในระดับ 30-35% ได้
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 6.60 บาท/หุ้น ด้วยธีมการลงทุน "การค้าโลกฟื้นตัวหลังโควิด" เมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกดีขึ้น ตัวเลขส่งออก-นำเข้าเริ่มฟื้น ตามวัฏจักรเศรษฐกิจที่กำลังเข้าสู่โหมดขยายตัวรอบใหม่ พร้อมกันนี้ได้เห็นถึงค่าระวางเรือคอนเทนนอร์ และค่าขนส่งที่ปรับตัวขึ้นหลายเท่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก "Pent-up demand" กระทั่งปัจจุบันตู้คอนเทนเนอร์เกิดภาวะ "Shortage" ส่งผล บวกต่อ ธุรกิจ Freight forwarder ที่มี Capacity สูง เพราะช่วยเพิ่มอำนาจในการต่อรองราคากับลูกค้า หนุนมาร์จิ้นให้สูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ คาดว่า LEO จะมีกำไรเติบโต 30%/ปี (CAGR 2562-2565) และ Valuation ปัจจุบันที่PE 21 เท่า คาดจะ Re-rate ขึ้นได้ตามวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมที่เคยเห็นขึ้นได้ถึง 30 เท่า