เอสซีจี เดินหน้ารับมือการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ เพื่อให้พนักงาน ครอบครัว และคู่ธุรกิจ ปลอดภัย ทั้งการทำงานจากที่บ้าน และมาตรการ "ไข่แดง ไข่ขาว" ในโรงงาน ที่แยกผู้ที่ทำงานในสายการผลิตออกมา พร้อมจัดที่พัก อาหาร รถรับส่ง เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 มีมาตรการคัดกรองผู้เข้าอาคารอย่างเข้มงวด เช่น จัดสถานที่แบบเว้นระยะห่าง ทำความสะอาดทุกชั่วโมง และตรวจโควิด-19 เชิงรุก ให้พนักงานทั้งไทยและต่างชาติในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี นครปฐม สมุทรปราการ กว่า 5,000 คน ซึ่งไม่พบการติดเชื้อ พร้อมเดินหน้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้พนักงานในจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงอื่น ๆ เช่น ระยอง ช่วยเสริมความมั่นใจให้ธุรกิจเดินหน้าต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งมอบนวัตกรรมป้องกันโควิด-19 ช่วยเหลือสังคม และบุคลากรทางการแพทย์ ในจังหวัดที่มีการระบาดสูง
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีได้ติดตามการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และได้ประเมินว่า สถานการณ์โลกและประเทศไทย ยังไม่หลุดจากโควิด ทำให้เอสซีจี ยังคงนโยบายการทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่า พนักงาน ครอบครัว และคู่ธุรกิจ ปลอดภัย สามารถส่งมอบสินค้าและบริการให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการจัดการภายในที่ช่วยให้ลูกค้าและคู่ธุรกิจทำงานร่วมกับเอสซีจี ได้อย่างราบรื่น ดังนั้น เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จึงสามารถบริหารจัดการได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ เอสซีจี ได้สนับสนุนให้ทุกคนปฏิบัติตามคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) อย่างเคร่งครัด ส่งเสริมให้พนักงานที่สามารถปฏิบัติงานที่บ้านได้ให้ Work From Home โดยใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี เช่น การประชุมผ่าน Teleconference หรือ Online ส่วนพนักงานที่อยู่ในสายการผลิต ซ่อมบำรุง ซึ่งไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ บริษัทฯ ได้มีมาตรการ "ไข่แดง ไข่ขาว" หรือแยกผู้ที่ทำงานในสายการผลิตออกมาจากกลุ่มพนักงานทั่วไป โดยจัดที่พัก อาหาร รถรับส่ง เพื่อไม่สัมผัสกันระหว่างเปลี่ยนกะ ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ตลอดจนได้วางแผนกำลังพลเพื่อให้มีพนักงานสำรอง สามารถทำงานทดแทนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ พนักงานต้องรายงานสุขภาพทุกวันผ่านแอปพลิเคชัน "Employee Connect" และรณรงค์ให้ใช้แอปพลิเคชัน "หมอชนะ" เพื่อเก็บข้อมูลประวัติการเดินทาง รวมทั้งกำหนดให้ทุกอาคาร สำนักงาน โรงงาน ต้องคัดกรองพนักงานบุคคลภายนอก โดยตรวจวัดอุณหภูมิ สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย และทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางทุกชั่วโมง เช่น ลิฟท์ ทางเดิน เว้นระยะห่างโต๊ะทำงาน โรงอาหาร จัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาด และดำเนินมาตรการเชิงรุกตรวจเชื้อโควิด-19 ให้กับพนักงานไทยและต่างชาติ ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงในจังหวัดสมุทรสาคร ราชบุรี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสงคราม รวมกว่า 5,600 คน พบว่า ไม่มีการติดเชื้อ และเตรียมขยายการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้พนักงานในจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงอื่น ๆ เช่น ระยอง อีกด้วย
มูลนิธิเอสซีจียังได้กระจายความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์และมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สูง ใน 6 จังหวัด 11 โรงพยาบาลและสภากาชาดไทย ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม ระยอง ตาก แพร่ และกรุงเทพฯ รวมมูลค่ากว่า 6,000,000 บาท โดยส่งมอบนวัตกรรมป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย เช่น ห้องน้ำภายในศูนย์ห่วงใยคนสาคร ห้องแยกป้องกันเชื้อความดันบวก-ลบแบบเคลื่อนที่ (Positive/Negative Pressure Isolation Room) สำหรับปฏิบัติการในห้องฉุกเฉินและห้องไอซียู เครื่อง Thermo Scan สำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ชุด PPE หน้ากาก N95 ฯลฯ และทุนช่วยเหลือชาวเมียนมาผ่านจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ #ช่วยกันแคร์ดูแลกัน ให้พวกเราสามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้อีกครั้งในสถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีความเสี่ยงสูงนี้