วายแอลจีเผยทองคำปรับตัวลดลงในระยะสั้นหลังนักลงทุนตอบรับข่าวเข้ารับตำแหน่งของไบเดนหนุนความเชื่อมั่นฟื้น เงินไหลเข้าตลาดทุน ส่งผลตลาดพันธบัตรให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น ระยะสั้นทองคำได้รับแรงกดดันในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย แต่ระยะยาวยังเป็นขาขึ้นตามนัด คาดหลังไบเดนสาบานตนเตรียมคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ไฟกระพริบ ส่งผลเงินเฟ้อขยับ ดอลลาร์อ่อนในที่สุด ด้านสัญญาณทางเทคนิคระยะสั้นแนะนำขายหากไม่ผ่านแนวต้าน 1,866-1,856 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ผ่านได้ถือต่อ ส่วนภาพกว้างหากผ่าน 1,965 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ มีลุ้นไปต่อที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า ราคาทองที่ปรับลดลงค่อนข้างมากเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงต้นสัปดาห์นี้จนหลุดแนวรับสำคัญไปแตะระดับต่ำสุดที่ 1,817 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนที่จะมีการดีดกลับมาที่ 1,856 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่วานนี้ไม่สามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ทำให้ทิศทางแกว่งตัวออกข้างเพื่อสะสมกำลัง ส่วนสาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงในระยะสั้นนั้นมาจากการปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น ที่ขานรับการเตรียมถ่ายโอนอำนาจจากประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ สู่ โจ ไบเดน ทำให้มีเงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งทองคำและพันธบัตร โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ถูกเทขาย ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น การที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นก็จะเป็นปัจจัยกดดันทองในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดีการปรับตัวลดลงของทองคำอาจเป็นการพักตัวเพื่อสะสมกำลัง แต่ในระยะยาว เทรนด์ยังเป็นขาขึ้น เนื่องจากคาดว่าหลังจากที่โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งแล้วก็ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ออกมาเพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าระบบอยางมหาศาลและเป็นตัวเร่งให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ทองคำจึงยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของนักลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดีแม้ปัจจุบันจะเริ่มมีวัคซีนออกมาใช้แล้วในหลายประเทศ แต่ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่สูง อีกทั้งระบบเศรษฐกิจกว่าจะกลับมาปกติยังต้องใช้ระยะเวลา 1-2 ปี ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยจึงจะยังทรงตัวในระดับต่ำต่อไป 1-2 ปี ซึ่งจะทำให้ทองคำยังเป็นขาขึ้นต่อไป
สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะสั้นนั้น แนะนำให้นักลงทุนจับตาแนวรับระยะสั้น 1,840 - 1,838 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากหลุดแนะนำถอยจุดซื้อไปยังแนวรับ 1,817 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,866-1,856 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากราคายังไม่สามารถยืนที่แนวต้านนี้แนะนำนักลงทุนระยะสั้นขายออกไป หากผ่านได้อาจถือต่อเพื่อรอขายบริเวณแนวต้านถัดไป ส่วนภาพกว้างหากผ่านผ่าน 1,965 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ได้ จะมีโอกาสไปถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
อย่างไรก็ตามแม้ในระยะสั้นทองคำจะมีทิศทางปรับตัวลงแต่ก็สามารถเข้าไปทำกำไรจากส่วนต่างของราคาได้ โดยการเลือกลงทุนทองคำในตลาด TFEX ผ่านการลงทุนโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส(Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท แต่การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนทองคำในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Gold Online Futures และ Gold Futures ) เพื่อเป็นอีกทางเลือกการลงทุน สามารถดูรายละเอียดได้ทาง www.ylgfutures.co.th หรือ โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-687-9999