มีนาทรานสปอร์ต (MENA) เดินหน้าตามแผนระดมทุน ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) นับหนึ่งไฟลิ่ง MENA เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 184 ล้านหุ้น เพื่อนำเงินจากการระดมทุนไปใช้สำหรับลงทุนในโครงการในอนาคต ใช้จ่ายคืนหนี้สิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ ย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการรับส่งสินค้าด้วยรถผสมคอนกรีตและรถเทรลเลอร์รายใหญ่ของประเทศ โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในครั้งนี้
นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA มีศักยภาพการเติบโตสูงและอยู่ในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากงานโครงสร้างพื้นฐาน งานก่อสร้างโครงการ และสอดรับนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันการลงทุนในประเทศ เนื่องจาก รถขนส่งเป็นสิ่งจำเป็น โดยรถของ MENA ถือว่ามีจำนวนมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม มีความโดดเด่นในรถผสมคอนกรีต มีลูกค้ารายใหญ่เชื่อมั่น ไว้วางใจใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการในระดับสูง ผู้บริหารมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในธุรกิจมากว่า 27 ปี และพร้อมเดินหน้ารับโอกาสการเติบโตในอนาคต เป็นผู้ประกอบการรายแรกในธุรกิจรถผสมคอนกรีต ที่เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยหลังจากได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) / ร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ปัจจุบัน สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งแล้ว เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา
สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ของ MENA ในครั้งนี้ จำนวนไม่เกิน 184 ล้านหุ้น
มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ บริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 367 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 275 ล้านบาท
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีต หรือรถมิกเซอร์ (Mixer) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโต และมีความสามารถในการทำกำไรต่อเนื่อง เนื่องจาก ความสามารถในการบริหารจัดการรถและพนักงานจัดส่งที่มีศักยภาพ ในการควบคุมคุณภาพสินค้าคอนกรีตตลอดการขนส่ง ทำให้ MENA เป็นที่ไว้วางใจต่อลูกค้าบริษัทปูนซีเมนต์ชั้นนำของประเทศ อาทิ บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด (INSEE) บริษัท เอเซียผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ จำกัด (BUA Concrete) และ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC) รวมถึง การขยายขอบเขตการให้บริการไปยังบริษัทผู้ผลิตท้องถิ่นอื่นๆ ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง เพื่อความครบวงจร และเสริมสร้างโอกาสในธุรกิจ
ปัจจุบัน MENA มีรถที่บริหารจัดการมากกว่า 600 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 466 คัน รถเทรลเลอร์
(หัวลาก) 83 คัน และมีรถกึ่งพ่วง (หางลาก) ประเภทต่าง ๆ รวม 104 คัน ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการกองยานจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจและรับงานได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะงานโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ โดยจะทำการขนส่งสินค้าชนิดต่างๆ ให้กับคู่ค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
วัตถุประสงค์การระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้สำหรับลงทุนในโครงการในอนาคต จ่ายคืนหนี้สิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ โดยโครงการในอนาคตของบริษัทฯ มีนโยบายกำหนดอัตราผลตอบแทนภายในขั้นต่ำ (IRR) เพื่อประโยชน์แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้น
"MENA เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งมากว่า 27 ปี ทีมผู้บริหารมีประสบการณ์และความสัมพันธ์อันดี กับลูกค้าและพันธมิตร ด้วยการให้บริการที่มีมาตรฐาน และ ความสามารถในการบริหารจัดการรถขนส่งที่มีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรถมิกเซอร์สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ได้ ทำให้ปัจจุบันเราถือว่าอยู่ในระดับ Top3 ของอุตสาหกรรม แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ เพราะบริษัทฯ เล็งเห็นโอกาส เนื่องจากเราอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโอกาสใน EEC พร้อมกันนี้ ยังมองหาโอกาส ในการขยายรถขนส่งไปยังกลุ่มลูกค้าประเภทคอนซูเมอร์เพิ่มเติม จากเดิมเราแข็งแกร่งในกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง" นางสุวรรณา กล่าว
สำหรับภาพรวมผลประกอบการบริษัทฯ รายได้รวมจากการประกอบธุรกิจของ MENA ประกอบด้วยรายได้ค่าขนส่ง รายได้ค่าบริการ รายได้จากการขาย และ รายได้อื่น ซึ่งในงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 476.6 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากค่าขนส่งและค่าบริการขนส่งคอนกรีตในสัดส่วนที่มากกว่า 90% ของรายได้รวมทั้งหมด ขณะที่ มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 24.4 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย จาก 26.9 ล้านบาท ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2562 เนื่องมาจากผลกระทบ COVID-19 ส่งผลให้การขนส่งชะลอตัว ตามความคืบหน้าของงาน และความต้องการของลูกค้า แต่อย่างไรก็ตาม จากการที่ MENA ปรับตัวโดยการลดค่าใช้จ่าย ประกอบกับ MENA มีต้นทุนทางการเงินลดลงจากการชำระคืนหนี้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิทำได้ดีขึ้น อยู่ที่ 5.5% สำหรับผลประกอบการในปี 2562 รายได้รวม อยู่ที่ 703.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 37.6 ล้านบาท