บมจ. พรีบิลท์(PREB) กางแผนปี 64 เติบโตต่อเนื่อง ผลจากตุน backlog ไว้แล้วกว่า 9 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ยาวช่วง 3 ปี (2563-2566) ฟาก"วิโรจน์ เจริญตรา" กรรมการผู้จัดการ ระบุว่าปีนี้เข้าสู่ช่วงปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุน ทั้งโครงการร่วมทุน และโครงการลงทุนโดยตรง ไม่หวั่นวิกฤติโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ พร้อมรุกขยายธุรกิจรับเหมาเต็มสปีด เน้นงานอาคารออฟฟิศ-ส่วนราชการ-โรงพยาบาล ช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้น หนุนอนาคตสดใส
นายวิโรจน์ เจริญตรา รองประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2564 มั่นใจว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้(backlog) ที่ตุนไว้ทั้งงานรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวม 9 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ในช่วง 3 ปี โดยในปีนี้จะรับรู้สัดส่วนประมาณ 50-60% ดังนั้นทำให้มั่นใจว่า แม้จะต้องเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ ยังสามารถทำผลงานได้ดีและสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
"ปี2564 จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วง 1-2 ปีก่อนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการรับรู้โครงการที่ลงทุนโดยตรงในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในโครงการบ้านเดี่ยวโครงการแรกผ่านบริษัทย่อย 'IS AM ARE' (อีสแอมอาร์) ส่งแบรนด์ 'พรรณนา' เจาะทำเลศักยภาพบนถนนพุทธมณฑลสาย 3 ด้วยมูลค่าโครงการรวม 1,250 ล้านบาท ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้เตรียมจะเปิดโครงการเพิ่มเติมอีก ขณะที่โครงการร่วมลงทุนมีแนวโน้มที่ดีโดยโครงการคอนโนมิเนียม Premio Quinto ก็น่าจะปิดยอดโอนได้ทั้งหมด รวมถึง โครงการทาวน์โฮมที่ผ่านมา มีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง "นายวิโรจน์กล่าว
เขากล่าวอีกว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายแต่ละธุรกิจไว้แบ่งเป็นในส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จะมีปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 15%จากปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาฯน่าจะฟื้นตัวดี และบริษัทฯจะหันมาเน้นรับเหมาก่อสร้างในงานอาคารออฟฟิศ งานส่วนของราชการ และงานก่อสร้างโรงพยาบาลมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้เตรียมความพร้อมเพื่อจะเข้าไปประมูลงานก่อสร้างโรงพยาบาลอีกหลายแห่ง ขณะที่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่จะเป็นการรับรู้จากโครงการที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้า ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 30% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และประเมินว่าจากนี้ไปน่าจะถึงเวลาที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง