บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ "ซีพีเอฟ" (CPF) ประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ฯ จำนวน 5 รุ่น อายุ 2-12 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 1.75-3.80% ต่อปี ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ในระหว่างวันที่ 18-21 มกราคมที่ผ่านมา ขณะที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายเผยว่า นักลงทุนยังคงมีความต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ โดยเฉพาะหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายโดยบริษัทที่มีความมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งหุ้นกู้ฯ "ซีพีเอฟ" สามารถตอบโจทย์การลงทุนได้เป็นอย่างดี
นายไพศาล จิระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ "ซีพีเอฟ" (CPF) ผู้ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร ภายใต้วิสัยทัศน์ "ครัวของโลก" เปิดเผยว่า ซีพีเอฟขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกรายทั้งผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ที่ให้ความเชื่อมั่นในหุ้นกู้ CPF และสนใจจองซื้อหุ้นกู้เกินกว่าจำนวนที่บริษัทตั้งเป้าเสนอขาย ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจนำหุ้นกู้เพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมมาใช้ รวมมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้ลงทุนที่มีต่อการดำเนินงานธุรกิจของ "ซีพีเอฟ" ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็น "ครัวของโลก" และยังเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมระดับโลก ทั้งนี้ขอขอบคุณธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน ธนาคารซีไอเอ็มบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ที่ช่วยให้การเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทประสบความสำเร็จด้วยดี
ด้านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ฯ "ซีพีเอฟ" ในครั้งนี้ ระบุว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน ผู้ลงทุนยังคงมีความต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และเป็นหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความมั่นคงด้านฐานะการเงิน เป็นผู้นำของอุตสาหกรรม และมีโอกาสและศักยภาพในการเติบโต ซึ่งหุ้นกู้ฯ "ซีพีเอฟ" สามารถตอบสนองความต้องการและเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการลงทุน ขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนยังมีความสนใจลงทุนในธุรกิจที่เน้นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งการที่ "ซีพีเอฟ" เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนชั้นนำของโลก เช่น Dow Jonses Sustainability Indices (DJSI) MSCI ESG Index และ FTSE4Good Index เป็นการตอกย้ำว่าซีพีเอฟดำเนินงานบนหลักธรรมาภิบาลที่ดี บริหารจัดการกระบวนการผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิตด้วยความใส่ใจในสังคมและสิ่งแวดล้อม และเป็นเครื่องยืนยันว่ามาตรฐานการพัฒนาด้านความยั่งยืนของซีพีเอฟ เทียบเท่ามาตรฐานระดับโลกและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้แล้ว ในช่วงวิกฤต Covid-19 ที่เกิดขึ้น ทางซีพีเอฟยังมีส่วนช่วยเหลือสังคม เช่น การช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับ SMEs การร่วมมือกับภาครัฐรับสมัครงานกว่า 8,000 ตำแหน่ง และการส่งอาหารเพื่อช่วยเติมกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ได้รับผลกระทบ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสนับสนุนให้การเสนอขายหุ้นกู้ฯ "ซีพีเอฟ" ประสบความสำเร็จตามความคาดหมาย