ยังคงเป็นยุคทองอย่างต่อเนื่องสำหรับ CWT หรือ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แม้จะเจอกับโควิด-19 แต่ก็หยุดผลงานเอาไว้ไม่อยู่ สร้างผลงานโดดเด่นแบบระยะยาว โดยในปี 2564 คาดการว่าจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ รายได้โตเกิน 30% รับอานิสงส์ออเดอร์ผลิตภัณฑ์หนังไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย รายได้ โรงไฟฟ้า "โซลาร์ฟาร์ม-ชีวมวล" เติบโตเด่น ทั้งยังจ่อคว้า PPA โรงไฟฟ้าขยะเพิ่ม ขณะที่บริษัทย่อย"สกุลฎ์ซี" งานในมือเพียบ ทั้ง "เรือไฟฟ้า-รถเมล์มินิบัส" พร้อมลุย Bus EV มั่นใจเป็น New S-Curve ใหม่หนุนธุรกิจโตก้าวกระโดดในอนาคต
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CWT) เปิดเผยว่าแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้โตเกิน 30% จากปีก่อน และมีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์หนัง ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ ซึ่งเริ่มมีออเดอร์ใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากลูกค้าหลัก คาดว่ารายได้ธุรกิจหนังจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท ในปีนี้ 2.กลุ่มพลังงาน โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 5.0 เมกะวัตต์ คาดจะทำรายได้ปีนี้ประมาณ 350 ล้านบาท และ 3.บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด หรือ SKC ซึ่งเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์และเรืออะลูมิเนียมรายแรกของไทย อยู่ระหว่างการพัฒนารถบัสดีเซล และรถบัส EV ซึ่งคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกและส่งมอบงานได้ภายในปลายไตรมาส 1/2564 และตั้งเป้าหมายรายได้กลุ่มปีนี้อยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท จากออเดอร์ผลิตเรือ EV ให้กับบริษัท บ้านปูเน็กซ์ และพันธมิตร และรถมินิบัส ที่มีออเดอร์เข้ามากว่า 200 คัน จะเริ่มทยอยส่งมอบตั้งแต่ ไตรมาส 2/2564
"แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ มีโอกาสที่จะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากการรับรู้รายได้ใน 3 ธุรกิจ ทั้งในส่วนของธุรกิจหนัง ซึ่งเป็นรายได้หลัก ธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เป็น Recurring Income และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็น New S-Curve ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต โดย "สกุลฎ์ซี" เตรียมส่งมอบรถบัสดีเซล พร้อมทั้งพัฒนารถบัส EV ซึ่งเชื่อว่าเป็นยานพาหนะสมัยใหม่แบรนด์ไทยแท้ที่จะได้รับการตอบรับที่ดีในอนาคต"
นายวีระพล กล่าวต่อว่า "บริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูล สัญญาซื้อขายไฟฟ้าล่วงหน้า (PPA) ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะของภาครัฐเพิ่มเติม เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับสัญญาเป็นผู้ดำเนินโครงการบริหารจัดการขยะและกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนเทศบาลนครสวรรค์ ภายใต้บริษัท กรีน เพาเวอร์ 1 จำกัด (GP1) พัฒนาร่วมกับ บริษัท ซีโรเวซท์ จำกัด โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเข้าพัฒนาพื้นที่และก่อสร้างโรงแปลงขยะมูลฝอยชุมชนเป็นเชื้อเพลิงพลังงาน RDF และบริษัทฯจะเริ่มดำเนินการศึกษาและออกแบบโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงพลังงาน RDF ร่วมกับทางเทศบาลนครสวรรค์ควบคู่ไปด้วย เพื่อพัฒนาสู่การเป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงพลังงาน RDF ขนาดไม่เกิน 10.0 MW ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ซึ่งหากสามารถประมูลงานเพิ่มเติมได้ คาดว่าจะโครงการแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ โดยจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน"