บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) โตแรง! ประกาศกำไรสุทธิ ปี63 เพิ่มขึ้น 233.8% เนื่องจากรายได้จากการขายพุ่งกว่า 28% รับผลดีจากเปิดโรงงานแห่งใหม่ผลิตสินค้าเพิ่ม ช่วยลดต้นทุนต่อหน่วย หนุนกำไรขั้นต้นแตะ20.6% จาก 9.9% ขณะที่บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผล อัตราหุ้นละ 0.161 บาท พร้อมจัดสรร "ZIGA-W1" โดยไม่คิดมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 2.05 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนท์ เตรียมเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 พิจารณาในวันที่ 29 มี.ค.นี้
นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (ZIGA) เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2563 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 117.7 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 233.8%จากงวดเดียวกันปี 2562 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 35.3 ล้านบาท โดยบริษัทฯมี EBITDA ในปี 2563 และปี 2562 เป็นจำนวน 186.6 ล้านบาท และ 70.6 ล้านบาทตามลำดับ
ขณะที่บริษัทฯ มีรายได้รวมในปี 2563 อยู่ที่ 995.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปี 2562 มีรายได้รวมเท่ากับ 760.2 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายปี 2563 เท่ากับ 972.9 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 28% จากปี 2562 มีรายได้จากการขายเท่ากับ 760.2 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิ และรายได้รวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีการผลิตเพิ่มขึ้น จากการเปิดโรงงานใหม่ ส่งผลทำให้ต้นทุนผลิตสินค้าต่อหน่วยลดลงทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2563 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.6% จากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 9.9 %
"ในไตรมาสที่ 4/2563 บริษัทฯ สามารถเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เริ่มเปิดใช้พื้นที่คงคลัง ส่งผลให้มีการบริหารสัดส่วนของสินค้าในกลุ่มที่สามารถสร้างอัตรากำไรได้ดี โดยเฉพาะลูกค้าในตลาดซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน ทั้งในส่วนของ ลูกค้าออนไลน์ และออฟไลน์ ซึ่งบริษัทวางแผนจะขยายในส่วนของสาขา outlet เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯได้รับความไว้วางใจในมาตรฐานสินค้าของแบรนด์ ZIGA และ DAIWA ทำให้ได้รับโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล โดยเป็นการจัดสรรจากเงินกำไรจากผลประกอบการปี 2563 จำนวน 117,706,970 บาท เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.161 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80,048,137.40 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 5 มีนาคม 2564 (Record Date) และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 เมษายน 2564 ทั้งนี้สิทธิในการได้รับเงินปันผลดังกล่าวจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564
นอกจากนี้ ได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวนไม่เกิน 121,303,300 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 248,596,700 บาท (ทุนจดทะเบียนภายหลังการลดทุนจดทะเบียนจาก โดยวิธีการตัดหุ้นสามัญที่ซื้อคืนที่ไม่สามารถจำหน่ายหรือจำหน่ายหุ้นไม่ครบออกทั้งหมด) เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 369,900,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 242,606,600 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ(" ZIGA-W1")
ทั้งนี้จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ไม่เกิน 242,533,366 หุ้น โดยการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในอัตราส่วน 2.05 หุ้นสามัญเดิมต่อใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 1หน่วย (ในกรณีที่มีเศษให้ปัดเศษทิ้ง) โดยไม่คิดมูลค่า โดยใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 1หน่วยมีสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ 1หุ้น และมีราคาใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น
ส่วนวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท เพื่อให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในอนาคต เพื่อสำรองเงินไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ เมื่อมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท
นอกจากนี้ได้มีมติอนุมัติการจำหน่ายหุ้นสามัญที่ซื้อคืนภายใต้โครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัท จำนวน 22,806,600 หุ้น คิดเป็น 4.39% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยเป็นขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีกำหนดระยะเวลาในการขายหุ้นที่ซื้อคืนตั้งแต่วันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2564 และหากครบกำหนดระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนแล้ว บริษัทไม่สามารถจำหน่ายได้หรือจำหน่ายหุ้นซื้อคืนไม่ครบจำนวน 22,806,600 หุ้น บริษัทจะทำการลดทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วโดยวิธีการตัดหุ้นสามัญที่ซื้อคืนที่ไม่สามารถจำหน่ายหรือจำหน่ายหุ้นไม่ครบออกทั้งหมด
บริษัทฯ กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564ในวันที่ 29 มีนาคม 2564เวลา 09.30 น ณ ศูนย์การค้าเดอะไบรท์ เลขที่ 15/9 ถนนพระรามที่ 2แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร 10150 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น (Record date) ในวันที่ 5 มีนาคม 2564