นางวรรธนา มงคลศรี รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ได้ติดตามสถานการณ์รัฐประหารในเมียนมาอย่างใกล้ชิด และพบว่ายังไม่มีลูกค้า EXIM BANK ได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศของเมียนมา
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมีบริการประกันการส่งออกคุ้มครองความเสี่ยงแก่ผู้ส่งออกไทยจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อหรือธนาคารผู้ซื้อในต่างประเทศ ทั้งจากสาเหตุทางการค้าและการเมือง รวมทั้งบริการประกันความเสี่ยงการลงทุน (Investment Insurance) คุ้มครองความเสี่ยงทางการเมือง กรณีโครงการลงทุนได้รับความเสียหายจากการดำเนินนโยบาย กฎระเบียบ หรือการดำเนินการใด ๆ ของรัฐบาลในประเทศที่เข้าไปลงทุน จนมีผลกระทบในทางลบต่อโครงการและความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ของนักลงทุน
ทั้งนี้ ในปี 2563 ไทยและเมียนมามีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 6,593 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกจากไทยไปเมียนมา 3,798 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าของไทยจากเมียนมา 2,795 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเมียนมาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 17 ของไทย คิดเป็นสัดส่วน 1.6% ของมูลค่าส่งออกรวม ในปี 2563 ที่ผ่านมามูลค่าส่งออกของไทยไปเมียนมาหดตัว 13% เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้การค้าชายแดนมีอุปสรรคในการขนส่งสินค้าและความต้องการบริโภคของเมียนมาชะลอตัวลง
"EXIM BANK โดยสำนักงานผู้แทนในย่างกุ้ง เมียนมา จะติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อประเมินผลกระทบในระยะสั้นและระยะถัดไปต่อการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับเมียนมา และช่วยเหลือดูแลด้านการเงิน รวมถึงเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุน เพื่อให้ลูกค้าและผู้ประกอบการไทยสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพื่อผ่อนคลายผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน" นางวรรธนา กล่าว