กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
บริษัท ส่งเสริมการค้าเอสเอ็มอี จำกัด (เอสทีพี) บริษัทเอกชนที่ถือหุ้น 100% โดย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) แถลงผลการดำเนินงานในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าในปีแรกจะประสพภาวะการขาดดุล แต่ในปีต่อๆ มา ก็สามารถพลิกสถานะการณ์สร้างช่องทางการตลาดให้เข้มแข็งขึ้น ซึ่งในปี 2548 นี้ ทางบริษัทฯได้ตั้งเป้าสร้างยอดขายคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 125 ล้านบาท และในปี 2549 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 200 ล้านบาท
นายวันนพ มารัตนะฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ส่งเสริมการค้าเอสเอ็มอี จำกัด (เอสทีพี) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการพัฒนาธุรกิจทั้งในฐานะผู้จัดจำหน่าย ผู้ส่งออก ผู้ค้าปลีก และการออกงานแสดงสินค้าทั้งในเชิงพาณิชย์ และตลาดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสินค้า SMEs และ OTOP ระดับ 3-5 ดาว จากชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ให้มีความพร้อมทั้งในด้านการผลิตและบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ยังเสริมสร้างช่องทางการตลาดที่เข้มแข็งให้กับสินค้าขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนสินค้าชุมชน ให้เป็นที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้นในตลาดโลก เช่น
รายการ SMEs Shop Channel ซึ่งเติบโตภายใน 3 เดือนที่ผ่านมาถึง 339 % และมีเป้าหมายที่จะเปิด ให้บริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะสร้างยอดขายสูงถึง 2 พันล้านบาท ดังเช่นการเติบโตของ จูปิเตอร์บอร์ดแบรนด์ ในประเทศญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันมียอดขายสินค้าสูงถึง1.7 หมื่นล้าน ส่วน โครงการ OTOP PLACE ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นร้านจำหน่ายสินค้า OTOP ต้นแบบที่ได้มาตรฐาน ซึ่งถือเป็นการกระจายสินค้าคุณภาพดี ให้แพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดเตรียมเปิดสาขาที่จังหวัดภูเก็ตในเดือนธันวาคม 2548 และ สาขาราชดำเนิน ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 5 พันตารางวา คาดว่าจะเปิดตัวประมาณต้นปี 2549 พร้อมทั้งขยายช่องทางการตลาดในรูปแบบของแฟรนไชด์ ไปยังต่างประเทศ เช่นประเทศสิงคโปร์ อังกฤษ และจีน ซึ่งใช้งบประมาณในการลงทุนค่าแฟรนไชด์แรกเข้า 5 แสนบาทส่วนค่าตกแต่งประมาณการไว้ที่ 1 ล้านบาท ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามขนาดของสถานที่
นอกจากนี้ยังมีโครงการขายส่งสินค้าให้กับบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) เป็นสินค้าจำพวก Snack และ Travelling Set ของแจกบนเครื่องบิน ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็น ศูนย์กลางการผลิตผ้าพัฒนาการ เป็นส่วนประกอบชิ้นหนึ่งของโครงการถุงรับขวัญ ซึ่งออกแบบโดย สถาบันวิทยาการเรียนรู้ (สวร.) ที่เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก จำนวน 9 แสนผืน โดยในงวดแรกได้กระจายกำลังการผลิตผ้าพัฒนาการให้กับกลุ่มแม่บ้านในจังหวัดทางภาคเหนือแล้วจำนวน 150,000 จำนวน และ มีโครงการจะกระจายการผลิตลงสู่กลุ่มแม่บ้านไทยพุทธ และไทยมุสลิมใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้อีก 150,000 ผืน ส่วนอีก 600,000 ผืน มีแผนที่จะกระจายไปสู่กลุ่มแม่บ้านใน 6 จังหวัดที่ประสบภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ และกลุ่มแม่บ้านทางภาคอีสาน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรับบริหารช่องทางการตลาดให้กับโครงการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ บ้านยางน้อย อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้า แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดอุบลราชธานีในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย “
ด้วยช่องทางการตลาดเหล่านี้ พร้อมทั้งโครงการดีๆ เช่น การสร้างพันธมิตรในต่างประเทศ บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ท บอร์ดแบรนด์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ย่อมเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะยืนยันถึงการเติบโตในอนาคต ของผู้ประกอบการ SME และ OTOP ระดับคุณภาพ 3-5 ดาว ในประเทศไทย ซึ่งผ่านการคัดสรรและพัฒนาศักยภาพ จนได้มาตรฐานทัดเทียมกับสินค้ามาตรฐานสากล ซึ่งสร้างด้วยฝีมือและความภาคภูมิใจของคนไทย
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร 0-2434-8300
สุจินดา แสงนภา อาภาภรณ์--จบ--