โรงงานน้ำตาลเร่งรณรงค์และร่วมมือกับชาวไร่ลดปัญหาอ้อยไฟไหม้ และตัดอ้อยสด สะอาด ส่งเข้าหีบ สถิติสัดส่วนอ้อยสดคิดเป็น 75.46% จากปริมาณอ้อยเข้าหีบ 57 วัน รวม 43.86 ล้านตัน ส่งผลให้ค่าความหวานและยิลด์อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ล่าสุด สอน. และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ชวนผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล ทำบันทึกการใช้ใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิงทดแทน หวังสร้างรายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยให้แก่ชาวไร่ ช่วยลดอ้อยไฟไหม้แก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินการเปิดรับผลผลิตอ้อยเข้าหีบประจำฤดูการผลิตปี 2563/64 ของโรงงานทั้ง 57 โรง หลังเปิดรับผลิตมาแล้ว 57 วัน ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ดี ทั้งชาวไร่และโรงงามต่างพยายามที่จะลดอ้อยไฟไหม้ให้ได้ตามนโยบายภาครัฐ ทำให้การหีบอ้อยหลังผ่านมาครึ่งทาง สามารถทำผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อย (ยิลด์) เพิ่มขึ้นเป็น 107.78 กิโลกรัมต่อตันอ้อย เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มียิลด์อยู่ที่ 104.22 กิโลกรัมต่อตันอ้อย
ทั้งนี้ จากปริมาณอ้อยเข้าหีบรวม 43.86 ล้านตันอ้อย พบว่า มีอ้อยสดเข้าหีบรวม 33.10 ล้านตันอ้อย หรือคิดเป็น 75.46% และสัดส่วนอ้อยไฟไหม้ปรับตัวลดลงเหลือเพียง 24.54% คิดเป็น 10.76 ล้านตันอ้อย เมื่อเทียบช่วงระยะเวลาหีบอ้อยที่เท่ากันของปีก่อนที่มีปริมาณอ้อยสดเพียง 50.47% และอ้อยไฟไหม้ 49.53% จากปริมาณอ้อยเข้าหีบ 49.99 ล้านตันอ้อย ขณะที่ค่าความหวานของอ้อย (ซี.ซี.เอส.) ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยอยู่ที่ 12.58 ซี.ซี.เอส. จากปีก่อนที่มีค่าความหวาน 12.33 ซี.ซี.เอส. เป็นผลให้ผลผลิตน้ำตาลได้ 47.27 ล้านกระสอบ
"โรงงานน้ำตาลได้รณรงค์และสนับสนุนให้ชาวไร่จัดเก็บผลผลิตอ้อยสด สะอาด และไม่มีสิ่งปนเปื้อน ส่งเข้าหีบ โดยเข้าไปให้องค์ความรู้และเทคนิคการจัดเก็บ ตลอดจนจัดหาเครื่องจักรตัดอ้อยให้แก่ชาวไร่อ้อยคู่สัญญา ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยให้ชาวไร่ที่มีรายได้จากการเพาะปลูกเพิ่มขึ้น" นายสิริวุทธิ์ กล่าว
ล่าสุด สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สังกัดกระทรวงพลังงาน ได้หารือในเบื้องต้นกับผู้ประกอบการโรงน้ำตาล เพื่อจัดทำบันทึกความเข้าใจในโครงการ (เอ็มโอยู) การใช้ประโยชน์ใบอ้อยและยอดอ้อยเป็นเชื้อเพลิงทดแทนในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย และโรงงานไฟฟ้าชีวมวลเพื่อลดปัญหาอ้อยไฟไหม้และฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5)
ทั้งนี้ ภายใต้กรอบเอ็มโอยูโครงการความร่วมมือดังกล่าว จะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวไร่อ้อยควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมจากการนำใบอ้อยที่เป็นเศษวัสดุที่ไม่ใช้แล้วมาใช้ประโยชน์ โดยคาดว่าจะมีการรับซื้อใบอ้อยจากชาวไร่ได้ประมาณปีละกว่า 1 ล้านตัน เพื่อนำไปใช้แปรรูปเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณกว่า 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซต์ต่อปี ตลอดระยะเวลาโครงการระหว่างปี 2564-2566 ขณะที่ชาวไร่จะได้รับรายได้จากการขายใบอ้อยอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เนื่องจากรายได้ดังกล่าวไม่ได้ถูกนำมาอยู่ในระบบแบ่งปันผลประโยชน์ จึงเชื่อมั่นว่าจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ชาวไร่จัดเก็บอ้อยสดส่งเข้าหีบเพิ่มขึ้น