ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี” “BBB+/Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday October 13, 2005 09:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดอากรรายใหญ่ในประเทศไทย ระดับการแข่งขันทางธุรกิจที่ไม่รุนแรง ตลอดจนการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจ และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงแนวโน้มที่ดีในระยะยาวของธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยแม้จะชะลอตัวในระยะสั้นจากผลกระทบของวิบัติภัยคลื่นสึนามิเมื่อเดือนธันวาคม 2547 อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากการที่บริษัทมีสัดส่วนเงินกู้ในระดับสูงเนื่องจากการค้ำประกันหนี้ให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้
อันดับเครดิตตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่บริษัทจะไม่มีการกู้ยืมเงินเพิ่มหรือให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องซึ่งมีสถานะทางการเงินที่ด้อยกว่า
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดกาณ์ว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดอากรรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเอาไว้ได้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาความแข็งแกร่งของผลการดำเนินงานเอาไว้ได้เนื่องจากแนวโน้มที่ดีของธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศ นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการที่จะลดระดับเงินกู้ยืมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าให้ได้อย่างต่อเนื่อง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี เป็นสมาชิกของกลุ่มคิงเพาเวอร์ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดอากรรายใหญ่ในประเทศไทยที่มีร้านค้าตั้งอยู่ในย่านธุรกิจหลักของกรุงเทพฯ และในท่าอากาศยานนานาชาติ 4 แห่งทั่วประเทศ บริษัทได้รับอนุญาตจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เป็นเวลา 10 ปี ระหว่างปี 2540-2549 เพื่อดำเนินกิจการร้านจำหน่ายสินค้าปลอดอากรที่ท่าอากาศยานนานาชาติทั้ง 4 แห่ง สินค้าหลักในร้านค้าของบริษัทประกอบด้วย สุรา บุหรี่ น้ำหอม นาฬิกา เครื่องสำอาง เสื้อผ้าและเครื่องประดับ อาหาร และช็อกโกเลต ฯลฯ
สถานะทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับปานกลางจากการมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจากระดับ 55% ในปี 2546 เป็น 69% ณ สิ้นปี 2547 โดยบริษัทได้นำเงินกู้ส่วนใหญ่ไปจ่ายค่าสัมปทานล่วงหน้าแก่ ทอท. และใช้จ่ายในการก่อสร้างและตกแต่งร้านค้าของบริษัทที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทอยู่ที่ระดับ 6 เท่า และเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมสูงกว่า 15% ในปี 2547 แม้ว่ายอดขายและเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2547 จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานกลับลดต่ำลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากผลของการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทในอนาคต อันดับเครดิตของบริษัทยังพิจารณาถึงรายการระหว่างกันของบริษัทและบริษัทในกลุ่ม รวมทั้งการให้กู้ยืมระหว่างบริษัทด้วย ณ เดือนธันวาคม 2547 บริษัทให้เงินกู้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้อจำนวน 1,132 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทและผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือนายวิชัย รักศรีอักษร ยังได้ค้ำประกันเงินกู้ให้แก่บริษัทร่วมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นผู้บริหารพื้นที่การขายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมถึงให้กู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องอีกแห่งหนึ่งซึ่งลงทุนในอาคารจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในเมืองด้วย แม้บริษัทได้แจ้งว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินใดใดเพิ่มเติมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง แต่ทริสเรทติ้งเห็นว่าการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้
ธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดอากรมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจการท่องเที่ยว โดยคาดว่าอนาคตของธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศในระยะยาวจะดียิ่งขึ้นจากการมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่หลากหลายและได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมากจากภาครัฐ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า เช่น การระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) และภัยจากคลื่นสึนามิก็สามารถส่งผลกระทบเชิงลบในระยะสั้นได้ ธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในประเทศไทยมีการแข่งขันในระดับต่ำเนื่องจากปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวในท่าอากาศยานทั่วประเทศ ทว่าการแข่งขันจะรุนแรงในขั้นตอนของการขอสิทธิ์ในการประกอบธุรกิจ ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ