ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซจีนเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการค้าโลก โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคครั้งใหญ่จากออฟไลน์สู่ออนไลน์ซึ่งทำให้เกิดการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน ส่งผลให้ในปี 2020 ที่ผ่านมา ประเทศจีนมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ชสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ หรือเทียบเป็นเงินบาทไทยกว่า 30 ล้านล้านบาท ซึ่งนับเป็นประเทศที่มีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซ (e-commerce) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและระดับฐานะของประชาชนจีนที่ดีขึ้น รวมถึงการค้าออนไลน์ก็ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองใหญ่ของจีนเท่านั้น เนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมากลุ่มผู้ซื้อขายสินค้าออนไลน์ในเมืองชนบทของจีนก็มีกำลังซื้อมหาศาล ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมให้ ตลาดอีคอมเมิร์ซ ในประเทศจีนเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
สรุปแล้วประเทศจีนเต็มไปด้วยโอกาสทางการค้าธุรกิจอีคอมเมิร์ช โดยเฉพาะสำหรับแบรนด์ต่างประเทศ เพราะสินค้าที่นำเข้ามาจะถูกคนจีนมองว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ จึงถือเป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจสตาร์ทอัพหรือ SMEs ไทยที่จะก้าวเข้ามาทำธุรกิจ e-Commerce ในตลาดจีน โดยมีการเพิ่มช่องทางการซื้อขายสินค้าใหม่อย่าง CBEC (Cross Border E-Commerce) เข้ามาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนจีนในการซื้อขายสินค้าจากต่างประเทศผ่านทางออนไลน์พิเศษที่ไม่ต้องมีการตรวจเข้มกับสินค้าที่เข้ามาในจีนนั่นเอง และยังเป็นการซื้อขายจากธุรกิจสู่ผู้บริโภค (B2C) และจากธุรกิจสู่ธุรกิจ (B2B) อีกด้วย
ธุรกิจหรือสินค้าไทยที่น่าจับตามองในการส่งออกไปจีน
กลุ่มประเภทเครื่องสำอาง แผ่นมาสก์หน้า รังนกพร้อมดื่ม ครีมทาภายนอก อาหารและผลไม้อบแห้ง หมอนยางพารา เป็นกลุ่มสินค้าของไทยที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีน ปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคชาวจีนมองหาสินค้าผ่าน Cross-Border e-Commerce (CBEC) อันดับแรก คือ เรื่องของคุณภาพของสินค้า ใช้แล้วปลอดภัย ได้มาตรฐานและเป็นของแท้ นอกจากนี้ความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า การบริการหลังการขาย และความสะดวกในการชำระเงิน ก็ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมากเช่นกัน
การส่งสินค้าจากไทยไปจีนแบบ Cross-Border e-Commerce (CBEC)
บริการ Cross-Border ถือเป็นตัวช่วยในการขายสินค้าให้ผู้ประกอบการไทย พร้อมบริการขนส่งสินค้าแบบครบวงจรส่งตรงถึงลูกค้าในประเทศจีน เพื่อให้ลูกค้าจีนสามารถเข้าถึงสินค้าไทยได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Cross Border Service หรือบริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนนั้น มีข้อได้เปรียบทางลักษณะการบริการที่แตกต่างจากการขนส่งทางทะเลและอากาศ โดย Cross Border Service นั้น มีนิยามว่า " เร็วกว่า Sea ถูกกว่า Air"
การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศผ่านช่องทาง Cross-Border e-Commerce (CBEC) นั้นมีความแตกต่างกับการซื้อขายของออนไลน์ปกติ โดยการซื้อขายของออนไลน์แบบปกติจะมีคลังสินค้าอยู่ในประเทศจีนหรือนอกประเทศจีน ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในประทศจีนก็ได้นั่นเอง แต่การซื้อขายผ่านช่องทาง Cross-Border e-Commerce คลังสินค้าจะอยู่ในประเทศจีน ผู้บริโภคจีนจะทำการสั่งซื้อหรือมีคำสั่งซื้อสินค้ามาจากแพลตฟอร์มข้ามแดนที่เรียกว่า Cross Border E-Commerce Platform และหลังจากนั้นคำสั่งซื้อจะถูกส่งผ่านไปยังหน่วยงานศุลกากรจีนและส่งต่อไปยังต่างประเทศ เพื่อแสดงถึงความต้องการในการนำเข้าสินค้าชนิดที่ลูกค้าสั่งเข้ามาเก็บไว้ในคลังสินค้าประเทศจีน (Bonded Warehouse) แล้วสินค้านั้นจะถูกส่งไปยังลูกค้าผ่านกลุ่มที่ให้บริการด้านขนส่งหรือโลจิสติกส์ โดยมีระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มสั่งซื้อไปจนถึงมือผู้บริโภคใช้เวลาโดยประมาณ 7 วัน ในขณะที่การสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์แบบปกติจะใช้เวลาถึง 14 วัน
ข้อดีของการเลือกใช้บริการ Cross-Border ของบริษัทที่มีพาร์ทเนอร์ขนส่งที่จีน
สำหรับผู้ค้าออนไลน์ที่กำลังเลือกใช้บริการ Cross-Border ควรต้องศึกษาผู้ให้บริการรายต่าง ๆ ที่มีระบบการขนส่งเชื่อมต่อไปยังขนส่งประเทศจีน เพราะจะช่วยลดขั้นตอนการส่งและประหยัดเวลาการดำเนินการมากกว่าเดิมได้
บริษัท บีจี ลิ้งค์ จำกัด (BG LINK) นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกและเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพในตลาดโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่สำคัญ ที่พร้อมให้บริการด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบครบวงจร (One Stop Cross-Border Services) โดยมีบริการรับขนส่งสินค้า อาทิ สินค้าประเภทของกิน เครื่องดื่มและยา (ไม่รวมยาที่มีใบสั่งจากแพทย์) เครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เสื้อผ้าและกระเป๋า จากประเทศไทยไปประเทศจีน ด้วยการคิดอัตราภาษีแต่ละประเภทที่แตกต่างกันออกไป เริ่มต้นที่ 13 - 20% โดย BG Link มาพร้อมด้วยความเชื่อมั่นในการบริการ ดังนี้
สนใจสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขการให้บริการเพิ่มเติม
โทร 0961674659 หรือแอด WeChat ID: bestservice004