บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) แจ้งผลการดำเนินงานปี 63 กวาดกำไรสุทธิ 271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.5% มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,269 ล้านบาท และ EBITDA 442 ล้านบาท สภาพคล่องสูงมาก เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง ประกอบกับธุรกิจไบโอดีเซลที่ร่วมลงทุนไว้มีผลประกอบการที่ดีมากตามวัฏจักรขาขึ้นของราคาน้ำมันปาล์ม ส่งผลบอร์ดไฟเขียวอนุมัติ จ่ายปันผลเพิ่ม 0.14 บาทต่อหุ้น เตรียม XD วันที่ 15 มีนาคม และจ่ายปันผลวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ด้านผู้บริหาร "ชัชพล ประสพโชค" ส่งซิกปี64 สัญญาณฟื้นตัว เตรียมเดินหน้าลงทุนด้าน Energy Efficiency และ Bio Circular Economy ทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ CLMV หนุนรายได้รวมทั้งปีโต 10% และตั้งเป้า EBITDA ไม่ต่ำกว่า 20%
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 1,269 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.5% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 163 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA ปี 2563 อยู่ที่ 442 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าแผนการดำเนินงานที่วางเป้าหมายไว้ที่ 350 ล้านบาท
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้น เนื่องจากบริษัทฯมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดโดยมุ่งเน้นไปที่การทำกำไรสุทธิเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว หลังจากที่ชะลอตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ในช่วงครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจเทรดดิ้ง อาทิ โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี พลังงาน และเคมีภัณฑ์ เริ่มกลับมาเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ และในปี 2563 ยังได้รับเงินปันผลจากธุรกิจไบโอดีเซล จำนวนทั้งสิ้น 143 ล้านบาท จากการส่งเสริมของภาครัฐในการสนับสนุนให้มีการใช้ B10 เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลงวดปี 2563 อีกหนึ่งครั้งในอัตรา 0.14 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 15 มีนาคม 2564 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ตามลำดับ บวกกับการจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.06 บาทต่อหุ้นเมื่อเดือนธันวาคมปี 2563 ทำให้การจ่ายปันผลงวดปี 2563 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 0.20 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้การที่บริษัทฯมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางสถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมธุรกิจในปี 2564 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน พร้อมทั้งตั้งเป้า EBITDA ไม่ต่ำกว่า 20% ของยอดขาย ตามการขยายตัวของภาคเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว รองรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ทั่วโลก การบริโภคสินค้าและบริการมีสัญญาณที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามปีนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นนโยบายการลงทุนด้าน Energy Efficiency และ Bio Circular Economy ทั้งในประเทศ กลุ่มประเทศ CLMV โดยจะพิจารณาต่อยอดธุรกิจเพื่อเลือกลงทุนในโครงการที่สร้างผลตอบแทน (ROE) ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% ขึ้นไป จากที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 18.5%
ส่วนความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น UAC มีความพร้อมทุกด้านหากรัฐบาลอนุมัติเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมในจังหวัดขอนแก่นอยู่แล้ว 3 เมกะวัตต์ (MW) ที่สามารถเข้าเงื่อนไขโครงการนำร่อง เดินเครื่องการผลิตไฟฟ้าได้ทันที และได้ตั้งเป้าประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนแห่งใหม่ เพิ่มเติมอีกประมาณ 6-9 MW ภายใต้งบลงทุนราว 300-600 ล้านบาท โดยจะนำโมเดลสารปรับปรุงดินอินทรีย์ (ผลพลอยได้จากการผลิตก๊าซชีวภาพ) ของโรงงานก๊าซชีวภาพที่จากพืชพลังงาน จังหวัดเชียงใหม่ มาประยุกต์ใช้เพิ่มเติม เพื่อต่อยอดแนวคิด Circular Economy อีกด้วย