'บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN' ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล ระเบิดฟอร์มโชว์ความแข็งแกร่งจากผลการดำเนินงานในปี 2563 ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ มีกำไรสุทธิ 312.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% หลังต้นทุนลิขสิทธิ์คอนเทนต์และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ พร้อมจุดพลุฉลองความสำเร็จจากการขยายตลาดในต่างประเทศ ตอกย้ำผู้นำตลาดในภูมิภาคอาเซียน หลังดันสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 41% ด้านบอร์ดฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2070 บาทต่อหุ้น เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ขณะที่ 'คุณแอน-จักรพงษ์' ผู้บริหาร JKN สั่งลุยเต็มที่ ชูจุดแข็งธุรกิจคอนเทนต์เป็นสปริงบอร์ด สร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจ Commerce ดันการเติบโตปีนี้แบบก้าวกระโดด
คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการผลักดันธุรกิจให้การเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยทำกำไรสุทธิ 312.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 252.8 ล้านบาท จากปัจจัยการบริหารจัดการด้านต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะต้นทุนลิขสิทธิ์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลดีต่ออัตราการทำกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 45% จากเดิม 41% ในปี 2562
ขณะที่รายได้รวมปีนี้ บริษัทฯ ทำได้ 1,701 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ในปี 2563 เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรงจากปัจจัย COVID-19 แต่ด้วยจุดแข็งด้านความหลากหลายในเรื่องของลิขสิทธิ์คอนเทนต์ใน 8 กลุ่มครอบคลุมทั้งสาระและความบันเทิงครบทุกรูปแบบ ในลักษณะสิทธิ Output Deal จากเจ้าของสิทธิ์ที่เป็นแบรนด์ดังระดับโลก และความเชี่ยวชาญในการทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ 'ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง' สร้างกระแสลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์อินเดีย ฟิลิปปินส์ และละครไทย ไปยังตลาดใหม่ๆทั้งในประเทศและภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 41% เทียบกับปี 2562 ที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 31.5%
"กำไรสุทธิปีนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ JKN ที่มีความแข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการขยายตัวกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงที่นำบริษัทฯ เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เมื่อ 3 ปีก่อน และมีกำไรสะสมรวมกันมากกว่า 1,100 ล้านบาท และในวันนี้ หุ้น JKN เลื่อนชั้นเข้าซื้อขายอยู่ในกระดาน SET
เรายังคงมุ่งมั่น ตั้งใจและทุ่มเทการทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันการเติบโตต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะนำ JKN ก้าวสู่การเป็นหุ้นในกลุ่ม SET50 ให้ได้ภายในอนาคต" คุณแอน-จักรพงษ์ กล่าว
ส่วนที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลงวดผลการดำเนินงานในรอบปี 2563 ในอัตรา 0.2070 บาทต่อหุ้น โดยจะมีวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 16 เดือน มีนาคม 2564 และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นวันที่ 28 เดือน พฤษภาคม 2564
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN กล่าวว่า ทิศทางดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต 10-15% พร้อมมุ่งทำอัตราการทำกำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 45% จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการขยายตลาดส่งออกคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มมูลค่างานในมือ (Backlog) จาก ณ สิ้นปีที่มีกว่า 800 ล้านบาท และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดส่งออกเพิ่มเป็น 50% ของรายได้รวมเพื่อผลักดันให้ JKN ก้าวสู่การเป็น Global Company ตอกย้ำผู้นำอุตสาหกรรมจำหน่ายลิขสิทธิ์ในภูมิภาคนี้
ขณะเดียวกัน JKN จะนำความเชี่ยวชาญการทำตลาดลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ต่อยอดสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มธุรกิจ Commerce ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ-ความงาม สินค้าอุปโภคบริโภคครบวงจร ที่ครอบคลุมตั้งแต่ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป ซึ่งดำเนินธุรกิจภายใต้ บริษัท เจเคเอ็น ลีฟวิ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด จากการที่บริษัทฯมีการผลิตและสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่หลากหลาย เพื่อสร้างโอกาสการ Tie-in สินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภค ผ่านการออกอากาศทางสถานีทีวีดิจิตอลและแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Youtube: JKN Official ที่มีผู้ติดตามในช่องทางนี้กว่า 520,000 ยูสเซอร์ ส่งผลดีต่อกระแสความนิยมของสินค้าและทำให้เกิดความต้องการสินค้าและยอดขายได้ จึงทำให้ธุรกิจ Commerce เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่จะเข้ามาช่วยการขับเคลื่อนการเติบโตตามแผนยุทธศาสตร์ของ JKN ให้ก้าวสู่เป้าหมายการเป็น Content Commerce Company อย่างที่ตั้งใจไว้