สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ หรือ STI ประกาศงบปี 63 ทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มีกำไรกว่า 149 ล้านบาท ทะยานโตเกือบ 75% มีรายได้จากการให้บริการ 1,570 ล้านบาท โตเกือบ 121% เป็นผลมาจากการควบรวม เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง หนุนรายได้และงานในมือแข็งแกร่งขึ้น ปัจจุบันตุน Backlog กว่า 4,000 ล้านบาท ปักธงรายได้ปี 64 เติบโตต่ออีก 20% หรือแตะ 1,900 ล้านบาท ด้านบอร์ดฯ ไฟเขียวจ่ายปันผลสุดอลังการ 0.40 บ./หุ้น คิดเป็นอัตราจ่ายเงินปันผลสูงถึง 72% ของกำไรสุทธิประจำปี
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง ความสำเร็จของผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย ประจำปี 2563 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563) มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เพิ่ม 74.5% อยู่ที่ 149.2 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 85.5 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่ม STI มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 1,570.3 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 120.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน 712.3 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC สนับสนุนให้มีการรับรู้รายได้ของ AEC เข้ามาเพิ่มเติมระหว่างเดือน พฤษภาคม-ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา และปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึง การทยอยส่งมอบงานตามแผน
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2563 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 โดยอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นเงินปันผลจ่ายจำนวน 107.2 ล้านบาท อัตราจ่ายเงินปันผลสูงถึง 72% ของกำไรสุทธิประจำปี 2563 กำหนดวันที่จ่ายปันผล 28 พฤษภาคม 2564 ทั้งนี้ สิทธิในการได้รับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน จนกว่าจะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ และสร้างความเชื่อมั่นภาพรวมธุรกิจปี 2564 มีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมกันกว่า 4,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งครอบคลุมทั้งงานโครงสร้างพื้นฐาน งานภาครัฐ และงานภาคเอกชนจากบริษัทชั้นนำของประเทศ ซึ่งตอนนี้มีโครงการใหม่ๆ ที่อยู่ในมือของกลุ่ม STI กว่า 200 โครงการ ได้แก่ งานที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสภาวิศวกร, โครงการ One Bangkok, งานออกแบบและควบคุมงานศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ณ สนามบินแม่ฟ้าหลวง จังหวัด เชียงราย, งานที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง สวนป่า "เบญจกิติ" ระยะที่2-3, ควบคุมงานก่อสร้างศูนย์วิจัยนวัตกรรม งานบริการของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์, ศูนย์การวิจัยและเรียนรู้ ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์, โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการ โซน C, โครงการบริหารโครงการและคุมงานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง , โครงการคุมงานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, โครงการควบคุมงานก่อสร้างทางวิ่งที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, โครงการควบคุมงานก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟสที่3 เป็นต้น
นอกจากนี้ ในปี 2564 มองภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างจะฟื้นตัวจากปีที่ผ่านมา ปัจจัยขับเคลื่อนมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งจะเหนี่ยวนำการลงทุนก่อสร้างภาคเอกชนให้ขยายตัวตาม เป็นโอกาสที่บริษัทฯ รุกเดินหน้าเติม Backlog โดยเฉพาะงานโครงการขนาดใหญ่ และโอกาสงานโครงสร้างพื้นฐานจาก EEC การสร้างสนามบินอู่ตะเภา การสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน วางเป้ารายได้ปีนี้แตะระดับ 1,900 ล้านบาท หรือเติบโตราว 20%