ทรัสต์ 'เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท' หรือ 'AIMIRT' ได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแมนดาริน โฮเต็ล กรุงเทพมหานคร โดยทรัสต์ 'AIMIRT' ประกาศความสำเร็จด้วยผลการโหวต 100% จากผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่อนุมัติผ่านทุกวาระ ให้เข้าทำการลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพจาก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการทิพย์ (โครงการทิพย์ 5 และ โครงการทิพย์ 8) โครงการเอ็มเอส แวร์เฮ้าส์ และโครงการไทยแทฟฟิต้า มูลค่าลงทุนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,350 ล้านบาท ซึ่งการเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มขนาดทรัพย์สินของกองทรัสต์ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นแตะหมื่นล้านบาทและชูศักยภาพการสร้างรายได้แก่ทรัสต์ 'AIMIRT' อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในทรัพย์สินที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งสัดส่วนทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ (Freehold) ที่สูงขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีจากทรัพย์สินที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ ทรัสต์ 'AIMIRT' ได้เปิดเผยผลประกอบการของปี 2563 โดยกองทรัสต์มีรายได้รวมทั้งสิ้น 586 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.43% และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิจำนวน 397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.16% จากปีก่อนหน้า พร้อมจ่ายปันผลไตรมาส 4/2563 ที่ 0.2175 บาทต่อหน่วย ถือว่าเป็นการทำสถิติการจ่ายปันผลรายไตรมาสที่สูงที่สุดอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ กล่าวว่า "การลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมนี้เป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ ความโดดเด่นของทั้ง 3 โครงการ คือ ทำเลที่เป็นศูนย์กลางจุดยุทธศาสตร์ของการทำธุรกิจด้านอุตสาหกรรม โดยมีโอกาสจะทำให้รายได้ค่าเช่าและผลประกอบการของทรัสต์ 'AIMIRT' มีความมั่นคงเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มาของรายได้ ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ต อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทรัสต์ 'AIMIRT' และผู้ถือหน่วยทรัสต์ต่อไป"
นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า "หลังจากที่ทรัสต์ 'AIMIRT' เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมสำเร็จ จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์เพิ่มขึ้นเป็น 9.8 พันล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 7.5 พันล้านบาท และสร้างผลประโยชน์ส่วนเพิ่มในทรัพย์สินใหม่ที่ลงทุน ก่อให้เกิดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มเติมในอัตราที่เหมาะสมและยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ และแนวโน้มสภาพคล่องที่ดีขึ้นในตลาดรอง"
นายธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า "จุดแข็งของทรัสต์ 'AIMIRT' คือ 1) ความมีเสถียรภาพของผลประกอบการที่สูงมาก โดยถึงแม้ในปี 2563 ที่ผ่านมาจะเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิท-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน ผลประกอบการของทรัสต์ 'AIMIRT' ยังคงแข็งแรง ทั้งในเรื่องอัตราการเช่าที่ยังอยู่ในระดับ 100% นับตั้งแต่กองทรัสต์จัดตั้ง รวมทั้งการเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าได้ครบถ้วน และ 2) การเติบโตของระดับเงินปันผลของทรัสต์ 'AIMIRT' โดยเงินปันผลของทรัสต์ 'AIMIRT' มีการเติบโตประมาณ 2.2% ในปี 2562 และเติบโตเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10.5% ในปี 2563 ซึ่งนับเป็นกองทรัสต์ที่มีอัตราการเติบโตของเงินปันผลสูงที่สุดกองหนึ่งในประเทศ อันเป็นผลมาจากทั้ง Organic Growth ของทรัพย์สิน และ Inorganic Growth จากการลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทรัสต์ 'AIMIRT' มีเสถียรภาพในการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างสม่ำเสมอ การเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินทั้ง 3 โครงการ จะส่งผลให้ทรัสต์ 'AIMIRT' มีโอกาสในการได้มีส่วนรับผลประโยชน์ส่วนเพิ่มในทรัพย์สินใหม่ที่ลงทุน ก่อให้เกิดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มเติมในอัตราที่เหมาะสมและยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์"
สำหรับทั้ง 3 โครงการที่ทรัสต์ 'AIMIRT' เตรียมพร้อมเข้าลงทุน ประกอบด้วย
ทั้งนี้รายละเอียดในการเสนอขายและจัดสรร ทางผู้จัดการกองทรัสต์จะประกาศให้ทราบอีกครั้งภายหลังจากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมสำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ผู้ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมหรือมีความสนใจเกี่ยวกับทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.aimirt.com หรือ Facebook: AIM Group